ประวัติ ของ ปราณเวท
ปราณเวท ชื่อนี้ผมให้ความหมายว่า ความรู้เป็นพลังแห่งชีวิต
ผมเกิดที่กรุงเทพฯ พ่อเป็นคนกรุงเทพฯ แม่เป็นคนจังหวัด นครสวรรค์ ครอบครัวมีฐานะไม่ค่อยดีนัก มีพี่น้องรวม 6 คน ชีวิตวัยต้นของผมจึงค่อนข้างลำบากเอาการเลยทีเดียว
ช่วงวัยประถม
เรียนที่โรงเรียนวัดพิชัยญาติการาม เขตคลองสาน ตอนเรียนชั้นประถม นอกจากเป็นนักเรียน แล้ว ผมยังเป็นลูกศิษย์พระ คอยเดินถือปิ่นโต ตามหลัง หลวงพ่อประดิษฐ์ เวลาท่านออกบิณฑบาตร พอถึงตอนพักเที่ยงก็ วิ่งไปกินข้าวก้นบาตร ที่กุฏิหลวงพ่อเป็นประจำ จึงทำให้ช่วงนั้น พอซึมซับคำสั่งสอนของหลวงพ่อได้พอควร และชอบเรื่องลี้ลับ เพราะสภาพแวดล้อมอำนวย คือ กุฏิอยู่ติดกับเมรุเผาศพ โรงเรียนติดกับป่าช้าพอเรียนอยู่ชั้น ป.5-6 ก็เริ่มสนใจศาสตร์ลี้ลับ ชอบอ่านหนังสือทำนายดวงชะตา หนังสือบทสวดมนต์เล่มบางๆ ในหนังสือเล่มนั้นจะมีตำราเศษพระจอมเกล้า ซึ่งผมชอบมาก นำมาใช้ทำนายดวง ของตนเอง เพื่อนและพี่ๆ ซึ่งเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้ว ก็สามารถยืนยันได้ว่า ผลการทำนายเมื่อครั้งนั้น ตามตำราเศษพระจอมเกล้า แม่นยำมาก
ช่วงวัยมัธยมต้น
เรียนที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส ช่วงนั้นก็เริ่มสนใจ วิชาลี้ลับ คาถาอาคม ไสยศาสตร์ โหงวเฮ้ง ลายมือ ตอนนั้นถึงอ่านพอเข้าใจ แต่ก็ทายอะไรไม่ได้ มากนัก
ช่วงวัยมัธยมปลาย
เรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ช่วงนี้เริ่มอ่านหนังสือ ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์มากขึ้น และใช้ศาสตร์ ที่อ่านมาทำนายดวงชะตา เพื่อน 2 คน ว่า จะอายุสั้น อยู่ได้ไม่เกินอายุ 35ปี ซึ่งก็เป็นไปตามคำทำนาย คนหนึ่งเสียชีวิตตอนอายุประมาณ 20 ปี อีกคนเสียชีวิตประมาณ 30 ปีต้นๆ แต่ก็ไม่ได้ศึกษาวิชาพยากรณ์ดวงชะตาอะไรเพิ่มเติม เพราะไปสนใจมุ่งมั่นฝึกฝน ศิลปะการต่อสู้ มวยไชยา ซึ่งได้รับความเมตตาจาก ครูเล็ก บ้านช่างไทย ท่านสอนให้และ ท่านยังพาไปฝากเรียนต่อกับ ครูทองหล่อ ยาและ โดยมีครูแปรง (ครูณปภพ ประมวญ) เป็นผู้ฝึกสอน ศาสตร์ช่วงนั้นที่สนใจคือ ไสยศาสตร์ กฤตยาคม ชีวิตช่วงนี้จึงมุ่งแสวงหาความเป็น ชายชาตรีเป็นหลัก ทั้งนี้คงเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากการอ่านหนังสือ ขุนช้างขุนแผน และรามเกียรติ์
ช่วงวัยทำงาน จนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากตอนนั้นฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี เรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปิดสำหรับผมจึงกลาย เป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม ทำให้ต้องออกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว และเรียน ม.รามคำแหง ไปด้วย ช่วงนี้วิชาลี้ลับต่างๆ ทิ้งหมดเลย ทุกอย่าง ยกเว้น มวย ที่ยังคงเส้นคงวา ฝึกอยู่ตลอด พอมีครอบครัว ญาติๆ คนรอบข้างชอบดูดวงกันมาก แล้วก็มักจะชวนผมไปด้วยอยู่บ่อยๆ ซึ่งหมอดูบางท่านก็ออกคำทำนาย ที่ผมรู้สึกขัดๆ เพราะแตกต่างจากที่เคยอ่านเจออยู่หลายครั้ง จึงเกิดข้อสงสัย พอบอกคนอื่นๆ เขาก็ไม่เชื่อเรา ครั้นจะแย้งท่านหมอดู ก็คิดว่าเรายังมีความรู้ไม่มากพอ จึงทำให้เกิดความมานะหันกลับมาศึกษาโหราศาสตร์อย่างจริงจังอีกครั้ง ในปี 2545โดยเริ่มจากการซื้อหนังสือ ของอาจารย์ เชย บัวก้านทอง ,เทพย์ สาริกบุตร จากร้านเขษมบรรณกิจ มาอ่าน แต่ก็มีข้อสงสัยหลายประการ จึงตัดสินใจไปสมัครเรียน วิชาโหราศาสตร์ไทย ,มหาสัตตเลข ที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย โดย อ. ธนกร สินเกษม ,อ.สุทธา พิมลยรรยง เป็นผู้ฝึกสอน และไปเรียนต่อกับ อ.เชียร บางบอน จึงทำให้เกิดความมั่นใจ มีความรู้มากพอที่จะพยากรณ์ดวงบุคคลได้ แต่ก็ยังคงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากตำราต่างๆ ของอาจารย์ พลูหลวง ,อรุณ ลำเพ็ญ ,ประทีป อัครา , ส.ไชยนันทน์ ,ดำริห์ ไตรรัตน์ ,จำรัส ศิริ ,บุญช่วย ชุ่มเชิงรักษ์ , สุชาติ ศุภประเสริฐ ,เปี่ยม บุญยะโชติ ,เอื้อน มณเทียรทอง และอีกหลายๆ ท่าน รวมถึงอาจารย์หลายๆท่านที่ท่องพักลักจำมา คงจะต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้นครับ สำหรับวิชา โหราศาสตร์
ผมทำงานอยู่ที่บริษัทฯ แห่งหนึ่งย่าน อ้อมน้อย โดยเริ่มทำงานกับ ที่นี่มาตั้งแต่ ปี 2538 (หลังจากที่ไปเป็น ทหารเกณฑ์มา 2 ปี)
ในปี 2551 ผมได้ทำเว็บไซต์ www.horapayakorn.com นี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลาง ในการติดต่อสื่อสาร กับเพื่อนๆ ที่เรียนโหราศาสตร์ด้วยกัน แต่เนื่องจากต่างคนต่างก็ทำงานจึงไม่มีเวลา มาทำเว็บ ผมก็ปล่อยเว็บทิ้งไว้ไม่ได้อัพเดทอะไรเลย ยอมเสียเงินต่ออายุเว็บ ไปเรื่อยๆ อยู่หลายปี เพราะเสียดายโดเมนเนม "horapayakorn.com" (โหราพยากรณ์) จนถึงช่วงต้นปี 2554 จึงค่อยเริ่มขยับมาทำอะไรเพิ่มเติม ซึ่งก็คิดว่าคงทำได้เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะไม่ค่อยถนัดนัก ทำได้เพียงแค่พยายามเขียนบทความ เพิ่มเดือนละ 1-2 บทเพื่อให้เว็บมีการเคลื่อนไหวบ้าง และ ถ้ามีเวลาก็จะเข้าไปตอบกระทู้ ในเว็บพยากรณ์ และเว็บ พิพัฒน์ดอทคอม บ้างเป็นบางครั้งบางคราว บางกระทู้ครับ
ปัจจุบัน ผมได้ลาออกจากงาน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นการ จบการทำงานในฐานะพนักงานเงินเดือน (ทำมานาน 23 ปีกว่าๆ ถ้าทำงานจนถึง มิถุนายนนี้ ก็ครบ 24 ปีเต็มครับ) แล้วครับ ตอนนี้ ก็มาทำงานเป็น หมอดู อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นงานที่ผมชอบ และมีความสุขที่ได้ทำครับ รายได้น้อยลง แต่สุขใจ มากขึ้น แล้วจะพยายามทำหน้าที่นี้ ให้ดีที่สุด ครับ
