โคลิก หรือเด็กเห็นผี ? โดย ปราณเวท
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลา พิมพ์บทความเลย เพราะมีงานที่ต้องทำหลายอย่าง งานประจำ จันทร์ถึงศุกร์ กลางคืนดูดวง สอนโหราศาสตร์ ตอบกระทู้ วันหยุด ก็ดูดวง สอนโหราศาสตร์ ไปทำบุญ ที่วัดบ้าง หรือบริจาคเงินบ้าง และที่สำคัญช่วงนี้ คือ การช่วยภรรยาเลี้ยงลูก เป็นภารกิจสำคัญอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะตอนที่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด ร้องแบบไม่มีสาเหตุ หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า " โคลิก" ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้
บทความนี้ ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะพิมพ์ดีไหม? ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อ และเกรงว่าท่านผู้อ่านบางท่านจะ เข้าใจผิดคิดว่าผมเพี้ยนหลงงมงายในไสยศาสตร์ (ขอบอกไว้ก่อนเลยครับ ว่าผมนะวิทยาศาสตร์สุดๆ ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ มีปัญหาแค่อย่างเดียวคือ ผมพิสูจน์และรับรู้ได้คนเดียวนี่ซิ)เอาเป็นว่า เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้เป็นประสบการณ์ตรง ของผมเอง ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการ อ่านด้วยนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าลูกสาวคนเล็กของผม ในช่วงอายุ 2-3 เดือน ในคืนวันโกน วันพระ หรือวันพุธ (ลูกสาวเกิดวันพุธ) ชอบร้องไห้ ตอนหัวค่ำ ร้องเสียงดัง ร้องไม่ยอมหยุด แต่ที่สำคัญคือ สายตาของเจ้าลูกสาวมักจะจับจ้องไปที่ใดที่หนึ่งเสมอ แววตาเวลาร้องไห้ เหมือนกลัวอะไรซักอย่าง มองไปแล้วก็หลบหันหน้า
หนี แล้วก็มองอีก ทำอยู่อย่างนี้ทุกครั้ง
บังเอิญว่าผมพอมีความสามารถรับรู้เรื่องนี้ได้บ้าง จึงทราบได้ว่า สิ่งที่ทำให้ลูกสาวผมร้องไห้ ก็คือ เจ้ากรรมนายเวร ของเขาที่ติดตามมาดูหน้าคาดตากันไว้ก่อน ซึ่งผมก็ทำการเจรจาต่อรอง ทันทีด้วยวิธีใช้ไม้นวมก่อน ว่าจะทำบุญให้ ทุกสัปดาห์ถ้าว่าง จะทำไปซักระยะหนึ่งหรือตลอดไป ก็ค่อยว่ากันอีกที
โดยจะไปปล่อยปลา และทำบุญให้ในวันเสาร์ที่จะถึง แรกๆ เหมือนการเจรจาจะเป็นผล แต่ซักพักก็เริ่มอีก อาการเดิม ผมเองก็พยายามอดทน อดกลั้นอย่างที่สุด ถือว่า เป็นเวรกรรมที่ติดตามกันมา ไม่อยากจะไปสร้างบ่วงกรรมเพิ่มอีก (เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร) ภรรยาของผมก็สงสารลูก คะยั้นคะยอให้ผมจัดการทำอะไรซักอย่าง จะเอาพระมาแขวนคอ ก็กลัวคุณเธอจะเอาไปอมติดคอ จึงทำได้เพียงอาราธนาพระมาไว้ที่หัวนอนลูก ซึ่งก็พอทุเลาลง แต่ก็ยังร้องอยู่ ตอนนั้นผมมีความเชื่อว่า ถ้าพ้นอายุครบ 100 วันไปแล้วทุกอย่างก็คงคลี่คลาย ( เป็นความเชื่อส่วนตัวผมว่า วิญญาณจะผูกพันกันตามระยะเวลาเท่ากับทำบุญคนตาย ครบ 100 วัน ในช่วง 2-3 เดือน จะเป็นช่วงที่เด็กโตพอจะรับรู้อะไรได้บ้าง และเป็นช่วงที่วิญญาณสามารถมาติดต่อได้โดยตรงกับเด็ก)
จนถึงวันเสาร์ ผมก็ซื้อปลาดุกที่ตลาด 10 ตัว(จำนวนตามกำลังวันเสาร์) ไปปล่อยที่แม่น้ำท่าจีน และไปทำบุญหล่อพระหลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ แล้วอุทิศผลบุญให้อีก เขาก็ได้รับผลบุญที่ทำไปให้ แต่พอตกกลางคืนลูกสาวก็ร้องไห้อีก
สอบถามดูสรุปได้ว่า เขายังไม่พอใจ เพราะสิ่งที่ลูกสาวผมทำไปนั้น เป็นการทำร้ายเขาอย่างมาก (ที่จริงมันมีที่มาที่ไปอีกเยอะ ขอไม่เล่าละกันครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมเพี้ยนไปใหญ่) รู้สึกว่าวันนั้นผมก็พยายามเข้าใจ ยอมรับการเอาคืนของเขา ด้วยความปวดใจในฐานะพ่อ แต่เหตุการณ์แทนที่จะเบาบางลง กลับหนักข้อขึ้นเป็นช่วงครบ 100 วันพอดีทำอย่างไร ลูกสาวก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ ผมจึงตั้งจิตขอเขาให้หยุดรบกวนแล้ว บอกกับเขาว่า " จะทำบุญให้บ่อยๆ และจะดูแลลูกสาวให้ดี ให้เขาโตมาเป็นคนดี และจะสอนให้เขาทำบุญอุทิศไปให้" รวมถึง แผ่เมตตาให้ ก็ยังไม่ดีขึ้น ความอดทนของผมถึงจุดสิ้นสุด ผมส่งลูกให้ภรรยาอุ้มแทน และเดินเข้าห้องพระทันที
ผมสวดมนต์ไหว้พระ และว่าคาถาขับไล่ พร้อมอาราธนาขอบารมี คุณพระรัตนตรัย มาปกป้องคุ้มครองไม่ให้ภูตผีปีศาจ ตนใดที่คิดร้าย ประสงค์ร้ายกับคนในบ้าน ย่างกรายเข้ามาในเขตบ้านได้เลย พออธิษฐานเสร็จ เจ้าลูกสาวก็สงบ หยุดร้องในทันทีเช่นกัน
ความกังวลใจตกมาอยู่ที่ผม เพราะผมไม่ต้องการสร้างเวรกรรมกันขึ้นมาอีก การกระทำของผมลักษณะนี้ อาจก่อให้เกิดเวรกรรมใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้ คิดไปคิดมา และสงสารลูก ก็ได้ข้อสรุปว่า ไม่ให้เขาเข้ามาในเขตบ้านได้ แต่จะทำบุญให้บ่อยๆ ตามที่เคยบอกไว้ เพื่อเป็นการบรรเทา ดับความโกรธแค้น อาฆาตพยาบาท ลงบ้างไม่มากก็น้อย
พิมพ์มายืดยาว ก็เพื่อจะแบ่งปันประสบการณ์ แนะวิธี หาทางออกให้กับ พ่อแม่ ที่เลี้ยงลูก แล้วต้องเผชิญกับปัญหา "โคลิก" หรือ เด็กเห็นผี ในมุมมองของผม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และไตร่ตรองให้ดีครับ
วิธีแก้ปัญหา "เด็กเห็นผี"
๑. สำคัญที่สุดก็คือ ต้องตรวจสอบดูก่อนว่า ลูกเราร้องไห้เพราะเหตุใด เจ็บป่วย ปวดท้อง ไม่สบายตัวอะไรหรือเปล่า? แต่ถ้าพิจารณาอย่างดีแล้ว หาสาเหตุไม่ได้ เข้าข่ายโคลิก ก็ต้องหาทางรักษา ทางการแพทย์ปัจจุบันก่อนนะครับ ถ้ารักษาแล้วไม่ดีขึ้น คุณค่อยทำตามในข้อ ๒ และข้ออื่นๆ ต่อไป
๒. สังเกตดูว่า ลูกเรา หันไปมองที่ใดที่หนึ่งซ้ำๆ แล้วมีอาการกลัว หรือ ร้องไห้หรือไม่ ? (ลักษณะอย่างนี้คุณจะรู้สึกได้เอง) ถ้ามีอาการอย่างที่ว่า ก็ถือว่า เข้าข่าย "เด็กเห็นผี"
๓. ให้คุณตั้งใจ สวดมนต์ไหว้พระ และบอกไปเลยครับว่า "ท่านเจ้ากรรมนายเวร ที่มารบกวน ด.ช/ ด.ญ.(ชื่อ) ขอให้ท่านโปรดระงับโทษไว้ก่อน แล้วจะทำบุญอุทิศผลบุญ ไปให้ ขอให้ท่านอย่าได้มารบกวน ด.ช/ ด.ญ. (ชื่อ) นี้เลย" แล้วก็แผ่เมตตา ให้เขาไป หลังจากนั้นก็รีบไปทำบุญ ตามที่ให้คำสัญญาไว้ ไม่ว่าจะเป็นปล่อยปลา (ควรปล่อยจำนวนคู่) ใส่บาตร หรือบริจาคเงินทำบุญกับวัด
๔. ถ้าไม่ดีขึ้น คุณก็ค่อยไป ไหว้พระ ขออำนาจบารมีคุณพระรัตนตรัย มาปกป้อง คุ้มครอง ลูก (สวดคาถาชินบัญชร) เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ ลูกหยุดร้องได้ แต่ถ้ายังร้องอยู่ ก็ให้กลับไปพิจารณาข้อ ๑ ใหม่ (ปัจจุบัน ลูกสาวของผม ไม่มีใครมารบกวนแล้ว ก็ด้วย สองเหตุผล คือเลย 100 วัน กับทำบุญให้บ่อยๆ จะมีร้อง
ไห้บ้าง ก่อนจะนอน ก็เป็นอาการงอแง ตามปกติของเด็กครับ)
๕. การสวดมนต์ ขับไล่ เป็นวิธีที่ไม่แนะนำนะครับ เพราะจะทำให้อาฆาตพยาบาทกันต่อไป " เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร " มองในแง่ดี การที่ลูกมีปัญหาอย่างนี้จะทำให้เราได้ ตระหนักว่า เด็กคนนี้มีเจ้ากรรมนายเวร ติดตามมา ก็จะทำให้เราหาทาง แก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เสียแต่เนิ่นๆ โอกาสที่เขาจะพบ
กับวิบากกรรมในอนาคน ของเขาก็อาจจะน้อยลง หรือ ทุเลาเบาบางลง รวมไปถึงผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ก็จะได้มีโอกาสทำบุญ มากยิ่งขึ้น
ตัวผมเอง เล็งเห็นว่า การพิมพ์บทความนี้ มาให้ท่านทั้งหลายอ่านนั้น ก็หวังว่า อาจจะมีส่วนชักชวนให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญ มากขึ้น และเรื่องที่เล่ามาก็เป็นประสบการณ์จริง ของตัวผมเอง (ถึงแม้จะเป็นในมุมมอง ความเชื่อส่วนตัวของผมเอง ก็ตาม) แต่อยากจะวิงวอนว่า " อย่าได้งมงาย จนเกินไปนัก" ผมเน้นให้ท่านทำบุญตามความเหมาะสมเท่านั้น อย่าได้คิดทำอะไรที่พิสดาร จนเกินไป ถ้าไม่สะดวกจะไปทำบุญ ก็นั่งสวดมนต์ภาวนา แล้วอุทิศผลบุญ จากการเจริญภาวนาให้เจ้ากรรมนายเวร ของเด็กก็ได้ครับ ให้คิดเสียว่าการทำบุญ โดยไม่เบียดเบียนใคร ไม่เบียดเบียนตัวเอง จนเกินไปนัก ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ที่ควร ดีกว่าที่เราจะอยู่เฉยๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป วันๆโดยไม่ทำอะไรเลย
สำหรับท่านที่กลัวผี เป็นที่ตั้ง ก็อย่าได้กังวลใจไปครับ ท่านไม่มีโอกาสได้เห็นหรอกครับ เพราะเลยเวลาที่จะเห็นมามากแล้ว ลูกคุณเองก็จะรับรู้เรื่องนี้ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถรับรู้ได้อีกเลย หลังจากครบ 100 วันไปแล้ว
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน (ผมขอย้ำบ่อยหน่อยนะครับ)
สุดท้ายนี้ บุญกุศลใดๆ อันเกิดจากบทความนี้ ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้น ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าท่านจะอยู่ ภพชาติใด ของ ด.ญ. รดา กลัมพสุต ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับ ส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านั้น โดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ และอย่าได้จองเวร แก่กันและกันอีกต่อไปเลย.