อาถรรพ์คำสาปแช่ง โดย ปราณเวท
เรื่องราวเกี่ยวกับคำสาปแช่งนั้น ผมพอจะนึกออกเรื่องหนึ่งครับ เป็นเรื่องที่แม่ผมเคยเล่าให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยที่ผมเป็นเด็กนั้น มีลุงอยู่คนหนึ่ง อายุประมาณ 40-50 ปี แกอาศัยอยู่กับภรรยา ลุงแกไม่มีลูกหลาน ฐานะค่อนข้างยากจน ลุงกับป้ามีบ้านหลังเล็กๆ อยู่หลังหนึ่ง อยู่กันตามอัตภาพ สุขทุกข์คละเคล้ากันไป จนในราวปี 2528 ก็มีนายทุน มาติดต่อขอซื้อที่ เพื่อนำไปสร้างอาคาร เปิดทำธุรกิจ ในตอนแรกลุงกับป้า ไม่ยอมขายเพราะถ้าขายที่ตรงนี้ไป ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เหตุการณ์ช่วงนี้ ในเรื่องของข้อเท็จจริงแล้ว คนนอกคงไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับครอบครัวของลุง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ลุงกับป้าก็ทนแรงกดดันไม่ไหว จำต้องขายที่ดินแปลงนั้นไป แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบได้
ลุงกับป้าเมื่อแกขายบ้านไป ก็ยังคงปลูกเพิงเล็กๆ อาศัยอยู่ ใกล้ๆ กับที่เดิม ที่เคยเป็นบ้านของแก ไม่นานนักป้าก็ล้มป่วยลง และสิ้นลมในที่สุด พอคู่ชีวิตจากไป ความทุกข์โศก ถาโถมเข้าใส่ จนลุงแกมีอาการทางโรคประสาท แกเดินไปมา ในบริเวณที่แกเคยอยู่ พร่ำบ่น กร่นด่า สาปแช่งกิจการนั้นทุกวัน จนในที่สุด ลุงก็สิ้นใจตายอยู่ใกล้ๆ กับบ้านเดิมของแก ที่ๆซึ่งเป็นที่รักและหวงแหนของ ลุงกับป้า หลังจากที่ลุงจากไปไม่นาน ธุรกิจนั้นก็แย่ลงเรื่อยๆ เจ้าของพยายามปรับปรุง กิจการ เปลี่ยนแปลงกิจการอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ กิจการยืนหยัดอยู่ได้ จนต้องปิดกิจการไปในที่สุด
บทสรุปของเรื่องนี้ อาจจะเป็นความบังเอิญ หรือด้วยแรงอาถรรพ์คำสาปแช่ง หรือไม่อย่างไรก็ตามแต่ ผมก็พยายามทำความเข้าใจกับเรื่องคำสาปแช่ง จนพอที่จะสรุปเงื่อนไขของคำสาปแช่ง เป็นข้อๆ ตามมุมมองของผมได้ดังนี้
1. ผู้สาปแช่งต้องเป็น ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ทุกข์กาย ทุกข์ใจ จากการกระทำของผู้ถูกสาปแช่ง ไม่ว่าผู้ถูกสาปแช่ง จะเจตนาหรือ จะรับรู้หรือไม่ก็ตาม
2. ความรุนแรงของคำสาปแช่ง ขึ้นอยู่กับเจตนาที่ผู้ถูกสาปแช่ง ได้ทำไว้และระดับความรุนแรง ของความทุกข์ ที่ผู้สาปแช่งได้รับ โดยอธรรม
3. คำสาปแช่ง จะเกิดผลขึ้น อาจต้องใช้เวลา แต่ถ้ามีปริมาณคำสาปแช่งที่มากพอ บวกกับ ความเข้มข้นของคำสาปแช่ง ,ตบะของผู้สาปแช่ง ก็จะทำให้ คำสาปแช่งเป็นผลได้เร็วขึ้น
4. ผู้ที่ประพฤติชอบ ปฏิบัติชอบ และมีคุณธรรม ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างสุจริตใจ ย่อมเป็นเกราะคุ้มกันโทษภัย จากคำสาปแช่ง ดั่งเช่น ตำรวจ ทหาร ที่ดีของชาติ
5. ผู้ที่กระทำผิด คิดร้าย ไร้คุณธรรม ไม่ได้อยู่ในศีลในสัตย์ มุ่งทำลายคนอื่น คำสาปแช่งของเขาเหล่านั้น ย่อมไม่เป็นผล เป็นเพียงแค่ลมปากที่เลื่อนลอยเท่านั้น
6. ผู้สาปแช่งผู้อื่น คือผู้ที่อยู่ในกองเพลิงแห่งโทสะ มีแต่ความอาฆาต พยาบาทเป็นที่ตั้ง ไฟแห่งโทสะนั้นย่อมเผาผลาญ ทำลายจิตใจของผู้นั้น ให้ร้อนรุ่ม สุมทรวง มีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ระทม
ฉะนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยง อยู่ให้ห่างจากกองเพลิงนั้น หนทางที่ดีคือ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร, อย่าได้มีเวร และเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย สำหรับใครที่ชอบก่อความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ให้แก่ผู้อื่น ก็พึงสังวรคำสาปแช่งไว้บ้างล่ะกันครับ