ดวงชะตาผู้ที่เป็น หมอดูหรือ ผู้มีญาณหยั่งรู้ (ปรับปรุง ๒๑ พ.ค. ๒๕๖๐) เรียบเรียงโดย ปราณเวท
หลังจากที่ได้เคยพิมพ์บทความนี้ ลงในเว็บฯ มานานหลายปีแล้ว พอมาอ่านอีกครั้ง รู้สึกว่ายังมีข้อที่ควรแก้ไขปรับปรุงอยู่ จึงอยากแก้ไขให้อ่านได้ง่ายขึ้น มีเนื้อหา เพิ่มเติมมากขึ้น อธิบาย ให้ละเอียดยิ่งขึ้น ถึงเรื่องดวงดาว ภพ ราศี ที่บ่งบอกว่า เจ้าชะตาจะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ ที่จะเป็นหมอดู ,โหร หรือ ผู้มีญาณวิเศษ หยั่งรู้
เรามาว่ากันเลยครับ ดวงชะตาของผู้ที่จะเป็นหมอดู มีญาณหยั่งรู้ นั้นให้พิจารณาจาก จุดหลักของดวงชะตา อันได้แก่ ลัคนา , ตนุลัคน์(ดาวเจ้าเรือนลัคนา) ,ตนุเศษ , ดาวอาทิตย์(๑) , ดาวจันทร์ (๒) ซึ่งต้องมีความสัมพันธ์ ในมุม กุม ,เล็ง , ร่วมเรือน , ตรีโกณ , โยค, จตุโกณ กับ เกตุ , ดาวมฤตยู , ดาวพฤหัสบดี(๕) , และ ดาวพุธ(๔) โดยที่ดาวที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ต้องมีมุมสัมพันธ์ถึงกันเองด้วย
ภพที่บ่งบอก ถึงศาสตร์ลี้ลับ โหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ ญาณหยั่งรู้ ได้แก่ ภพมรณะ ,ภพศุภะ และภพวินาศ
ราศีที่บ่งบอกถึง ศาสตร์ลี้ลับ โหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ ญาณหยั่งรู้ ได้แก่ ราศีพิจิก ธนู และ มีน ทั้งนี้ ก็เนื่องจาก ราศีพิจิก เป็นภพมรณะของดวงโลก ราศีธนู เป็นภพศุภะ ของดวงโลก และ ราศีมีน เป็นภพวินาศ ของดวงโลก (ดวงโลก นั้น ลัคนาสถิตราศีเมษ เป็นภพตนุ ของดวงโลก)
เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ผมขออธิบายให้ความหมายเพิ่มเติมดังนี้ครับ
- ลัคนา คือ จุดอิทธิพลของเจ้าชะตา สภาพของเจ้าชะตา
- ตนุลัคน์ คือ ตัวตนของเจ้าชะตา วาสนาของเจ้าชะตา
- ตนุเศษ คือ จิตใจ ความสนใจ ของเจ้าชะตา (ในบทความนี้ ผมจะไม่ได้กล่าวถึงนัก ก็ขอให้เข้าใจว่า ตนุเศษ กับ ดาวจันทร์ นั้นผมใช้แบบเดียวกันครับ)
- ดาวอาทิตย์(๑) = จุดของเจ้าชะตา แสดงถึงความรู้แจ้ง ความสนใจ ความเชื่อมั่นในตัวเอง ความมีชื่อเสียง ปกติจะไม่ได้นำมาพิจารณาในประเด็น ดวงหมอดูนี้ ซักเท่าไร เพียงแต่ท่านใดอยากจะรู้ว่า ถ้าจะเดินมาในทางพยากรณ์ศาสตร์ นี้แล้ว จะเป็นที่ยอมรับ ได้รับเกียรติ มีชื่อเสียง หรือไม่ ก็ต้องพิจารณา ดาวอาทิตย์ ในดวงชะตาด้วยก็เท่านั้นครับ
- ดาวจันทร์ (๒) = จริตจิตใจ (เหมือนกับตนุเศษ)
- เกตุ (๙) = เป็นดาววิญญาณธาตุ หมายถึง ศาสนา ความศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางของขลัง อภินิหาร มหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ เทพเทวา โหราศาสตร์
- ดาวมฤตยู (๐) = เป็นดาวอากาศธาตุ หมายถึง ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์ ความลึกลับ วิญญาณ ความตาย สิ่งที่ไม่ มีตัวตน
- ดาวพุธ (๔) = ความคิด สติปัญญา ไหวพริบปฏิภาณ
- ดาวพฤหัสบดี (๕ ) = ความรู้ วิชาความรู้ พยากรณ์ศาสตร์ ศาสตร์ลี้ลับ ทั้งนี้ก็เพราะว่า ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเกษตร(เจ้าเรือน) ราศีธนู (ภพศุภะของดวงโลก) และ ราศีมีน(ภพวินาศของดวงโลก)
- ภพมรณะ = ความลึกลับ สิ่งลี้ลับ ลึกลับ ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย (ราศีพิจิก ก็ใช้ความหมายนี้ เช่นกัน)
- ภพศุภะ = สิ่งที่ยึดมั่น ครรลองชีวิต อุดมคติ ญาณหยั่งรู้ การมองการณ์ไกล(ราศีธนู ก็ใช้ความหมายนี้ เช่นกัน)
- ภพวินาศ = ความลึกลับ สิ่งลี้ลับ ลึกลับ ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย (ในมุมมองเรื่องนี้ ภพมรณะ กับ ภพวินาศ จะเหมือนๆ กัน) (ราศีมีน ก็ใช้ความหมายนี้เช่นกัน)
พออ่านความหมาย คำอธิบาย ข้างต้นนี้แล้ว ทุกท่านก็จะสามารถเข้าใจ มองเห็นภาพรวม คร่าวๆ แล้วนะครับ ทีนี้เรามาลองพิจารณา ความสัมพันธ์ ของดาวกับภพ หรือ ดาวกับดาวดูครับ
- ๙ กุม ลัคนา,ตนุลัคน์,ตนุเศษ = สภาพชีวิต ตัวตน จิตใจ ของเจ้าชะตา สนใจในเรื่อง ศาสนา ความศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางของขลัง อภินิหาร มหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ เทพเทวา รวมถึง มีเทวดาคุ้มครองประจำตัวด้วย
- ๐ กุม ลัคนา,ตนุลัคน์,ตนุเศษ = สภาพชีวิต ตัวตน จิตใจ ของเจ้าชะตา สนใจในเรื่อง ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์ ความลึกลับ วิญญาณ ความตาย สิ่งที่ไม่มีตัวตน
- ๙ สถิต ภพศุภะ = เจ้าชะตา มีความเชื่อ ยึดมั่น ในเรื่อง ตามความหมายดาว ๙
- ๐ สถิต ภพศุภะ = เจ้าชะตา มีความเชื่อ ยึดมั่น ในเรื่อง ตามความหมายดาว ๐
- ตนุลัคน์ อยู่ภพมรณะ, วินาศ = เจ้าชะตา มีความสนใจ ในศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์
- ถ้าหาก ตนุลัคน์ ไปสถิตภพมรณะแล้ว ดาวเจ้าเรือนมรณะ ไปสถิตภพมรณะของ ตนุลัคน์อีกที หรือ ถ้าตนุลัคน์ ไปสถิตภพวินาศ แล้ว ดาวเจ้าเรือนวินาศ ไปสถิตภพวินาศของ ตนุลัคน์ อีกทีหนึ่ง อย่างนี้ จะทำให้เจ้าชะตา เป็นผู้มีญาณหยั่งรู้ และสามารถติดต่อกับวิญญาณ สิ่งลี้ลับได้
- ๒-๙ = จิตใจ ของเจ้าชะตา สนใจในเรื่อง ศาสนา ความศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางของขลัง อภินิหาร มหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ เทพเทวา และญาณหยั่งรู้ (เหมาะที่จะเรียน ไพ่ยิปซี )
- ๒-๐ = จิตใจ ของเจ้าชะตา สนใจในเรื่อง ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์ ความลึกลับ วิญญาณ ความตาย สิ่งที่ไม่มีตัวตน และญาณหยั่งรู้ (เหมาะที่จะเรียน ไพ่ยิปซี )
- ๒ สถิต ภพมรณะ,วินาศ = จิตใจ ของเจ้าชะตา สนใจในเรื่อง ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์ (เหมาะที่จะเรียน ไพ่ยิปซี )
- ๔-๙ = เจ้าชะตามีสติปัญญา ไหวพริบดี ในเรื่อง ตามความหมายดาว ๙
- ๔-๐ = เจ้าชะตามีสติปัญญา ไหวพริบดี ในเรื่อง ตามความหมายดาว ๐
- ๔ สถิต ภพมรณะ, วินาศ = เจ้าชะตามีสติปัญญา พิจารณาไตร่ตรอง ในเรื่อง ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์ (ดาว พุธ กุมกับดาวเจ้าเรือน มรณะ ,วินาศ ก็มีความหมายเช่นเดียวกันนี้)
- ๕-๙ = เจ้าชะตามีความรอบรู้ แตกฉาน ในวิชา ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์
- ๕-๐ = เจ้าชะตามีความรอบรู้ แตกฉาน ในวิชา ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์
- ๕ สถิต ภพมรณะ,วินาศ = เจ้าชะตามีความรอบรู้ แตกฉาน ในวิชา ศาสตร์ลึกลับ โหราศาสตร์(ดาว พฤหัสบดี กุมกับดาวเจ้าเรือน มรณะ ,วินาศ ก็มีความหมายเช่นเดียวกันนี้)
สำหรับท่านใดที่คิดจะมีอาชีพเป็น หมอดู ก็ต้องพิจารณา ภพกดุมพะ, กัมมะ, ลาภะ ว่ามีดาวเจ้าเรือนมรณะ , วินาศ , เกตุ , มฤตยู มาสถิตอยู่ไหม? หรือ ดาวเจ้าเรือน มรณะ ,กัมมะ, วินาศ ไปสถิตอยู่ในภพ อริ , มรณะ, วินาศ หรือไม่ ? ถ้าเป็นไปตามที่ว่ามานี้ ท่านก็สามารถทำอาชีพ หมอดูได้ (แต่ในพื้นดวง ก็ต้องมีดาว ตำแหน่งดาวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ นะครับ)
ทั้งหมดนี้ เป็นคำอธิบาย เฉพาะในมุมความหมาย ที่เกี่ยวกับ ความลึกลับ อำนาจลึกลับ ญาณหยั่งรู้ นะครับ แต่ในมุมที่กว้างขึ้นนั้น การพยากรณ์ดวงชะตา ยังมีความหมายอื่นอีก อย่างเช่น ๙ กุมลัคนา ,หรือกุม ๒ ,๔ ในภพทุสถานะ ก็จะส่งผลให้เจ้าชะตา อาจเพี้ยนๆ ขี้หลงขี้ลืม มีอาการทางจิตประสาท ย้ำคิดย้ำทำ พูดจาอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง สภาพการดำเนินชีวิต ไม่เป็นปกติ เป็นต้น ทุกอย่างมีดีมีเสีย ในตัวมันเอง ผู้ที่มีดวงชะตา อย่างหมอดู หรือผู้มีญาณวิเศษ ถ้าจิตใจไม่ได้ตั้งมั่นใน คุณธรรม ศีลธรรม มีเหตุผล มองโลกในสภาพความเป็นจริง โอกาสเพี้ยนก็มีสูงครับ
ส่วนเรื่องคำถามต่อมา ก็คือ แล้วถ้ามีดวงชะตา ที่พอจะเป็นหมอดูได้แล้ว (เราต้องทราบก่อนครับว่า หมอดู คือ ผู้ที่ใช้วิชา เลข๗ตัว ไพ่ป๊อก ไพ่ยิปซี พลังจิต ส่วน โหร คือ ผู้ที่ใช้ วิชาโหราศาสตร์ ราศีจักร ในการพยากรณ์) ควรเรียน หรือใช้วิชาใดดี เรื่องนี้ตอบได้ไม่ยากครับ หลักๆ ก็คืออยู่ที่ ความชอบ ความถนัด จริตของเรา ว่าเราชอบหรือมีความโน้มเอียงไปทางวิชาใด และวิชาใดที่เราศรัทธา คือ เมื่อใช้วิชาใดแล้วจะรู้สึกมั่นใจ ว่าแม่นยำ ก็วิชานั้นแหละครับ ทั้งนี้เพราะดวงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ก่อนจะไปกันต่อ ผมขออธิบาย ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ ซึ่งในมุมมองของผม แบ่งออกเป็น ๓ สาย ได้แก่
สายที่ ๑ คือ สายวิชาการ (สายกระบวนท่า) อันได้แก่ โหราศาสตร์ , เลข ๗ ตัว , ลายมือ , โหงวเฮ้ง ,ฮวงจุ้ย เป็นต้น
สายที่ ๒ คือ สายญาณ , จิตสัมผัส (สายลมปราณ) อันได้แก่ หมอดูจิตสัมผัส , ร่างทรง ,นั่งทางใน เป็นต้น
สายที่ ๓ คือ สายผสมระหว่างวิชาการ-ญาณ โดยใช้สื่อสัญลักษณ์ ร่วมในการออกคำพยากรณ์ อันได้แก่ ไพ่พยากรณ์ต่างๆ , หมอดูใบไม้ , เซียมซี ,อี้จิง เป็นต้น
ข้อดีของสายที่ ๑ สายวิชาการ คือ ใช้ได้ไม่จำกัด พลิกแพลงได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ของผู้ใช้ วิเคราะห์ภาพรวม เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ได้อย่างมีระบบ ชัดเจน
ข้อเสีย คือ ต้องใช้เวลาในการศึกษานาน ต้องท่องจำตำรา จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่รักการอ่านซักเท่าไร
ข้อดีของสายที่ ๒ สายญาณ คือ ไม่จำเป็นต้องทราบข้อมูล วันเดือนปี เวลา เกิดของเจ้าชะตา ก็สามารถออกคำพยากรณ์ได้ การได้มาของวิชา สายนี้ บางคนอาจจะไม่ยากนัก ในบางคน บางทีเมื่อถึงเวลาก็มาเอง มักถูกจริต แบบวิถีไทยๆ เรียกศรัทธาได้ดี
ข้อเสียคือ ไม่เสถียร ไม่แน่นอน ปิดๆ เปิดๆ บางวันก็พยากรณ์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ บางวัน บางเวลา ก็พยากรณ์ไม่ได้เลย ก็มี หรือ เช้าพยากรณ์ได้ บ่ายพยากรณ์เสีย ก็มี
ข้อดีของสายที่ ๓ สายผสม คือ เหมือนกับสายที่ ๑+๒ กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องทราบข้อมูล วันเดือนปี เวลา เกิดของเจ้าชะตา และยังสามารถ ใช้หลักวิชาในการออกคำพยากรณ์ได้ด้วย ใช้เวลาในการศึกษาไม่มากนัก เนื้อหาไม่เยอะ ถ้าจับหลักได้ก็จะง่าย จะลึกซึ้ง ละเอียดขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความแก่กล้าของญาณบารมี
ข้อเสียคือ ก็เหมือนกับ สายที่ ๒ คือ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้ามีเรื่องของญาณ , เซนส์ , จิตสัมผัส เข้าไปเกี่ยวข้อง ปัญหาที่จะตามมาก็คือ ความไม่เสถียร ของพลัง ซึ่งขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการประคับประคองจิต รักษาอารมณ์ วางอารมณ์ได้ดี ซึ่งในทางปฏิบัติ ค่อนข้างยากมาก ใครแก้ปัญหาข้อนี้ได้ ก็ถือว่า สุดยอด ครับ
เอาล่ะ กลับมาอธิบายเรื่อง ควรจะเลือกวิชาใช้ ใดดี กันต่อครับ
กลุ่มคนที่มีความสามารถ ทางด้านจิต มีญาณหยั่งรู้ ลางสังหรณ์แม่นยำ พวกนี้อาจจะไม่ใช่นักวิชาการโหร ที่มีความรู้มากมายหลายด้าน แต่มีความสามารถ พยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ ได้แก่ ลัคนา ,ตนุลัคน์ ,ดาว ๒ มีดาว ๙ , ๐ หรือ ดาวเจ้าเรือนมรณะ ,ศุภะ, วินาศ กุมลัคนา ,ตนุลัคน์ , ดาว ๒หรือ ดาวตนุลัคน์ ไปสถิต ภพมรณะ,ศุภะ ,วินาศ เหมาะที่จะเรียน ไพ่ยิปซี ,ไพ่พยากรณ์ต่างๆ ,
ส่วนกลุ่มที่เหมาะจะเรียน โหราศาสตร์ ก็เป็น พวกที่มีลัคนา , ตนุลัคน์ สัมพันธ์กับดาว ๔, ๕ และดาว ๔ ,๕ สัมพันธ์ถึง ๙ ,๐ ,ภพมรณะ , ศุภะ, วินาศ หรือ ดาวเจ้าเรือน มรณะ,ศุภะ,วินาศ กลุ่มนี้ก็จะมีความสามารถทางด้านจิต น้อยกว่ากลุ่มแรก แต่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิชาการ โหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ เหมาะที่จะเรียน โหราศาสตร์ , เลข ๗ ตัว, เป็นต้น
เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ผมขอยกตัวอย่าง ดวงชะตาของท่าน พระยาบริรักษ์เวชชการ (ข้อมูลจาก ตำรา อ.พลูหลวง)
ท่านเกิด วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๔๓๕ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ท่านเป็นอดีต นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์คนที่ ๓ (พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๕๑๐) จากรูปดวงชะตา จะเห็นว่า
ลัคนาของท่าน มีดาวมฤตยูกุมลัคนา ตนุลัคน์ ดาวศุกร์(ตนุ-มรณะ) สถิตภพศุภะ
ดาวพฤหัสบดี เป็นราชาโชค เล็งลัคนา และตรีโกณถึง ดาวอาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวเกษตร ในภพลาภะ (จึงทำให้ท่านเป็นผู้มียศศักดิ์ ชื่อเสียง) และ เกตุ ในภพสหัชชะ (ราศีธนู โยคหน้า ลัคนา)
ดาวพุธ เจ้าเรือนศุภะ-วินาศ สถิตภพกัมมะ ทำมุมจตุโกณกับดาวพฤหัสบดี และมฤตยู
ดาวจันทร์ เป็นราชาโชค สถิตภพวินาศ ร่วมเรือนกับ ดาวศุกร์ ตนุลัคน์ (ตนุ-มรณะ)
ผมหวังว่าท่านผู้อ่านคงจะมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แล้วนะครับ และ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าเราชอบอะไร ถนัดวิชาใด และได้ปฏิบัติตามหลักธรรม อิทธิบาท ๔ ผมเชื่อว่า ทุกท่านก็จะสามารถเป็นนักพยากรณ์ ที่เก่งกาจได้อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐