"ดวงดาว vs กรรม ใครลิขิตชีวิต?" เรียบเรียงโดย ปราณเวท 9/8/57
ก่อนอื่นขอตอบข้อสงสัยนี้ก่อนครับ คือ หลายคนสงสัยว่าทำไม? ต้องพิมพ์คำว่า เรียบเรียงโดย แทนที่จะเป็น เขียนโดย หรือ แต่งโดย ต่อท้ายบทความ ?
ขออธิบายดังนี้ครับ เนื่องจากวิชาพยากรณ์ศาสตร์ แทบจะทุกระบบ ทุกวิชา นั้นเกิดจากการรวบรวมข้อมูลสถิติ สืบต่อกันมาเป็นระยะเวลานับพันปี จนไม่ทราบแน่ชัดว่าวิชานั้น ใครเป็นผู้คิดริเริ่มแต่งตำราที่แท้จริง นักพยากรณ์รุ่นหลังๆ ก็ได้รับการถ่ายทอดต่อๆกันมา และหลายท่านก็เรียนจากหลายอาจารย์ ทำให้เกิดการผสมผสานของหลายวิชา ในบางท่านอาจจะค้นพบแนวทางใหม่ขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นวิชาต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากโหราจารย์รุ่นก่อนๆ ท่านได้บันทึกเป็นตำราไว้ให้ศึกษากัน
เพราะฉะนั้นผมจึงมิอาจหาญกล้าใช้คำว่า เขียนโดย หรือ แต่งโดยได้ ผมเป็นเพียงผู้ที่นำข้อมูลวิชาต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว มาเรียบเรียงใหม่ ผูกเรื่องราวใหม่ ในมุมมองของผมก็แค่นั้นเองครับ
ออกแขกเยอะไปหน่อย เรามาว่ากันต่อตามท้องเรื่อง " ดวงดาว vs กรรม ใครลิขิตชีวิต? " กันเลยครับ ตามชื่อบทความเลยครับ ดวงดาว กับ กรรม สิ่งใดกันแน่ที่เป็นผู้ลิขิตชีวิตเรา
คำตอบก็คือ กรรม ..!! ครับ
กรรมลิขิต เป็นสิ่งที่ชักนำให้เรา เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเป็นไปตามกฏแห่งกรรม ตามหลักพระพุทธศาสนา
แล้วดวงดาว คืออะไรทำหน้าที่อะไร กับชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ดวงดาวเป็นเครื่องชี้วัด สภาพกรรม (กรรมเก่า ,ต้นทุนชีวิต) หรือท่วงทำนอง ครรลองชีวิตเราในชาตินี้ โดยผ่านหลักวิชาโหราศาสตร์ ดวงดาวนั้นเป็นเพียง แผนที่ชีวิตของเรา เผยให้เห็นเส้นทางเดินในชีวิต ซึ่งเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่า จะใช้เส้นทางไหน และด้วยยานพาหนะใด
จากประสบการณ์การพยากรณ์ดวงชะตาที่ผ่านมาพบว่า ดวงชะตาของบางคน ดูแล้วไม่มีดาวอะไรดีเด่น เป็นพิเศษเลย ดาวส่วนใหญ่ ก็อยู่ในเรือน มรณะ วินาศ ถ้าดูอย่างผิวเผิน ก็จะต้องพยากรณ์ไปในทางร้าย เสียมากกว่า ว่าจะต้องประสบปัญหาความเดือดร้อน ต่างๆ นาๆ มีปัญหาคดีความ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าชะตาไปประสบความสำเร็จอย่างมากใน ต่างประเทศ แต่ก็มีอีกหลายดวงที่รูปดวงคล้ายแบบนี้ เป็นไปในทางร้าย
ทำไม?ถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ก็เพราะว่า "กรรม" ไงล่ะครับ
โดยมุ่งเน้นที่เป็น กรรมปัจจุบัน หรือ การกระทำของเจ้าชะตา นั่นเอง ถ้าทำกรรมดีมากๆ (ทาน ศีล ภาวนา) มีความทะเยอทะยาน รักความก้าวหน้า มุ่งหาสิ่งที่ดีให้กับตนเอง มีความขยัน อดทน อดออม รอบรู้ในงานที่ทำ มีคุณธรรม ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างแน่นอน
แต่ในบางครั้งก็ต้องทำใจว่า การที่เราเกิดมาในชาตินี้ นั้นเราก็ต้องมาชดใช้หนี้กรรมเก่า ของเราที่ได้เคยสร้างกรรมไว้แต่ปางก่อนด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้ที่ทำกรรมดีในปัจจุบัน บางท่านต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ในช่วงต้นของชีวิต เช่น ต้องจบชีวิตเร็วกว่าที่ควร ต้องประสบปัญหาครอบครัวหลายครั้ง อย่างนี้ก็ต้องทำใจ ถือว่าเป็นการชดใช้หนี้กรรมเก่า (ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายท่าน มักต้องพบเจอปัญหาอุปสรรค ความเหนื่อยยากในช่วงวัยต้นของชีวิต ทั้งนี้ ก็เพราะว่า ผลของ "กรรมเก่า" ส่วนความสำเร็จต่อมานั้น เป็นผลจาก "กรรมใหม่" ในปัจจุบัน ที่เจ้าชะตาเป็นผู้กระทำขึ้นมา)
แล้วดวงดาว โหราศาสตร์ ช่วยอะไรเราได้ ? ช่วยได้ครับ ก็อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่า ดวงดาว เป็นเครื่องชี้ ให้เห็นท่วงทำนอง ของชีวิต เป็นแผนที่ชีวิต เผยให้เห็นเส้นทาง จึงทำให้เราทราบถึง จังหวะชีวิตว่า ช่วงไหนขึ้น ช่วงไหนลง เพื่อเตรียมตัวรับมือ วางแผนจัดการกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อย่างเช่น บางคนในดวงชะตา ดาวเสาร์จรทับศุกร์เดิมในดวงชะตา แถมดาวเสาร์จร ยังสัมพันธ์ถึง ดาวเจ้าเรือนปัตนิ (คู่ครอง) อีก อย่างนี้ก็แสดงว่า มีเกณฑ์เจอปัญหาครอบครัว คู่ครอง อาจจะต้องอยู่ห่างกันสักหน่อย แลดูห่างเหินกันบ้าง และถึงขั้นเลิกรากันเลยก็เป็นได้
แต่เมื่อเรารู้เสียแล้วว่าจะมีปัญหาในช่วงเวลาดังกล่าว เราก็สามารถเตรียมตัวรับมือได้ เช่น ต้องหนักแน่น มั่นคง อดทน พยายามเข้าใจคู่ครองเราให้มาก ไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไม่จู้จี้ขี้บ่น เอาแต่ใจตัว (ตามนิสัยดาวเสาร์) หมั่นทำกรรมดี สร้างบุญบารมี ประคับประคองกันไป ถึงแม้ดาวเสาร์จร จะอยู่ราศีละประมาณ 2 ปีครึ่ง ถ้าทำได้อย่างที่เตรียมตัวไว้ ปัญหาความรุนแรง ก็จะน้อย เท่าที่เห็นก็มีหลายคู่ที่ผ่านพ้นวิกฤต ช่วงนั้นไปได้ บางคู่ก็แทบจะไม่เป็นปัญหาเลย เพียงแต่อยู่ห่างกันด้วยเหตุผล ในเรื่องการทำงาน เท่านั้นครับ
ในบางคน ดวงชะตา ดวงดาวบ่งชี้ว่า อยู่ในช่วงดวงขึ้น กำลังรุ่ง แต่เจ้าตัวกลับ ไม่ได้รับผลดี โชคลาภอะไรเลยหรือถ้าได้ ก็ไม่มากอย่างที่หมอดูว่า ทั้งนี้ขอตอบเป็น 2 ประเด็น
1. เพราะว่า บุญบารมีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน หรือที่เรียกกันว่า วาสนาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ซึ่งบุญบารมีนี้ก็ได้มาจาก ชาติปางก่อน และปัจจุบัน ที่ได้กระทำไว้
2. เจ้าชะตาไม่ได้ทำตัวให้เป็นไปตามดาว ภพ ราศี ที่จะชักนำให้ ได้่รับผลดี อย่างเช่น ถ้าดาวอังคาร ให้คุณ ให้ผลดี ในดวงชะตา เจ้าชะตาก็ต้อง ขยัน กระตือรือร้น เอาจริงเอาจัง ในการทำงานมากขึ้น หรือ ดาวเสาร์ให้คุณ ก็ต้อง มีความอดทน อดออม รอบคอบ ถี่ถ้วน พิจารณาไตร่ตรองทุกอย่างให้ดี ก่อนลงมือทำ ภพลาภะดี เราต้องมี connection ต้องพยายามติดต่อ มีสายสัมพันธ์กับคนอื่น มีกลุ่มเครือข่าย เป็นต้น (เป็นเพียงคำแนะนำ บางส่วนของดาวและภพ เท่านั้นนะครับ จริงๆ แล้วยังมีประเด็นอื่นๆ อีก)
ผมมักยกตัวอย่างให้กับ ผู้ที่มาขอรับคำพยากรณ์ดวงชะตาเสมอว่า ชีวิตของเราคือการเดินทาง เปรียบเหมือนว่า เรากำลังเดินทาง เดินไปเรื่อยๆ ด้วยกำลังของตัวเราเอง เมื่อถึงช่วงชะตาขึ้น ช่วงรุ่ง ก็เหมือนกับว่าได้รถมาขับ ส่วนจะไปได้ไกลขนาดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับน้ำมัน หรือ บุญบารมี ที่เราได้ทำไว้ เมื่อใดที่ชะตาตก ก็เหมือนกับมีขวากหนามมาขวางทาง ก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง มีสติ รอบคอบ ไม่ประมาท ค่อยๆ เดินไป หมั่นทำกรรมดี สร้างบุญบารมี ไว้เป็นเกราะคุ้มกันภัย
บทสรุปก็คือ ดวงดาว เป็นเพียงเครื่องชี้ ให้เห็นถึงท่วงทำนอง ครรลองชีวิต จากกรรมเก่า ทั้งนี้ก็เพราะดวงชะตาของแต่ละคน จะถูกกำหนดเป็นรูปดวงดาวและ ลัคนา ตั้งแต่วันเวลาที่เราเกิดมาบนโลกนี้
ดวงดาวไม่ได้เป็นสิ่งที่กำหนดชะตาชีวิตของเรา กรรมต่างหากที่เป็น สิ่งที่กำหนดไม่ว่าจะเป็น กรรมเก่า หรือ กรรมใหม่ ที่สำคัญทุกท่านจะเห็นได้ว่า การทำกรรมดี สร้างบุญบารมี (ทาน ศีล ภาวนา) เป็นทั้งเครื่องป้องกัน ระงับแก้ไข และ สนับสนุนค้ำจุน ดวงชะตาของเราทุกคน ดวงตกก็ต้องทำบุญทำกรรมดี ดวงขึ้น ก็ต้องทำบุญ ทำกรรมดี การวิงวอนขอพร จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยชั่วครั้งชั่วคราว ไม่หนักแน่นมั่นคงเหมือนการทำกรรมดี และอย่าลืมว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านก็เลือกที่จะให้พรแก่ผู้ที่ทำกรรมดี เช่นกัน ตามหลักธรรมที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ครับ