เคล็ดลับ การใช้เลขศาสตร์ เรียบเรียงโดย ปราณเวท
ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันชีวิตของเราผูกพันเกี่ยวข้องกับ ตัวเลข ค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็น บ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนบ้าน เลขที่บัตรประชาชน ฯลฯ จึงเป็นเหตุให้หลายคนให้ความสนใจกับเลขศาสตร์ กันอย่างมาก ผมก็เลยขอเกาะกระแส เขียนบทความเกี่ยวกับ เลขศาสตร์ ในมุมมองของผมบ้างนะครับ
ถ้าพูดถึงเลขศาสตร์สากล ก็คงต้องนึกถึง ไคโร (วิลเลียม จอห์น วอร์เนอร์) ผู้ที่เขียนตำราเลขศาสตร์ จนเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ถ้าเป็นเลขศาสตร์ไทย ก็ต้องนึกถึงท่าน อ.พลูหลวง ท่านได้เขียนหนังสือ " พื้นฐานของโหราศาสตร์ (ความมหัศจรรย์ของตัวเลข)" อันเป็นรากฐานของระบบเลขศาสตร์ไทย ที่พวกเราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ อ.พลูหลวง ท่านเป็นผู้ริเริ่มระบบเลขศาสตร์ ในประเทศไทย จนมี โหร หมอดูรุ่นต่อมาหลายท่าน ขนานนามท่านว่าเป็น "บิดาแห่งเลขศาสตร์ไทย"
ผมได้เกริ่นมาพอสมควรแล้ว คราวนี้เรามาเข้าเรื่องกันครับ ว่าระบบเลขศาสตร์ที่ใช้ๆ กันนี้มี แนวความคิดที่มาที่ไปกันแบบใดบ้าง (ในมุมมองของผมนะครับ)
1.เลขศาสตร์ เป็นตัวแทนของดวงดาว
ที่ใช้ในประเทศไทย ก็มี 3 ระบบใหญ่ๆ คือ ทักษา ,ราศีจักร, ลักษณะของตัวเลข
1.1 ทักษา ที่ได้มาจากวารเกิด เช่นเราเกิดวันอาทิตย์ ๑ จะเป็นบริวาร ๒ เป็นอายุ ๓ เป็นเดช ๔ เป็นศรี ๗ เป็นมูละ ๕ เป็นอุตสาหะ ๘ เป็นมนตรี และ ๖ เป็นกาลี(กาลกิณี) ตามหลักทักษา ซึ่ง เราสามารถนำเลขมาใช้ได้เลย เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ ก็ไม่ควรใช้เลข ๖ เพราะเป็นกาลี เรื่องนี้เราก็ต้องมีความรู้เรื่องทักษากันมาบ้างจึงพอจะเข้าใจ และทักษานั้น ไม่ได้มีเฉพาะวารเกิดเท่านั้น ยังมีนามกำเนิดอีก ซึ่งไม่ค่อยจะได้รับความนิยม เท่ากับ วารเกิด (ผมไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ผมคิดว่าน่าจะใช้คำว่า วาร นี่มากกว่า)
1.2 ราศีจักร ถ้าเราต้องการใช้เลขศาสตร์ตามระบบนี้ เราต้องทำการผูกดวงเสียก่อน แล้วก็ใช้ตัวเลขแทนดวงดาว ตามปกติ (หาอ่านได้ในบทความโหราศาสตร์ ขั้นพื้นฐาน) ทั้งนี้ก็ต้องหลีกเลี่ยง ตัวเลข ที่เป็นดาวเจ้าเรือน อริ มรณะ วินาศ หรือตัวเลขที่อยู่ในเรือน อริ มรณะ วินาศ แล้วมาใช้ตัวเลขที่เป็นเจ้าเรือนหรือ อยู่ในเรือนที่ดี เช่น กดุมพะ ศุภะ ลาภะ แทนเป็นต้น
1.3 ลักษณะของตัวเลข ในข้อนี้จะใช้วิธีพิจารณา กำหนดตัวเลข เป็นดวงดาว จากรูปลักษณ์ ลักษณะเด่นของตัวเลขเอง ซึ่งวิธีนี้ผมคิดว่า ไคโร ก็น่าจะใช้แนวคิดแบบนี้ อย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ เลข 3 ไคโร กำหนดให้เป็น ดาวพฤหัสบดี ทั้งนี้ก็น่าจะเป็นเพราะ เลข 3 มีลักษณะ เหมือนสายฟ้า ซึ่งเป็นอาวุธของ เซอุส(ซุส) ส่วนเลข 4 ก็มีรูปลักษณ์คล้ายสัญลักษณ์ของดาวมฤตยู
ขอย้ำนะครับ ข้อนี้เป็นจินตนาการของผมเอง ซึ่งผมเองก็ไม่เคยอ่านหนังสือของไคโร เลยซักเล่ม ฉะนั้นท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ แต่ที่ทำให้ผมคิดอย่างนี้ ก็เพราะท่าน อ.พลูหลวง ที่ท่านได้อธิบายวิธีกำหนดตัว อักษรไทย เป็นตัวเลขไทย (ย้ำนะครับว่าตัวเลขไทย) ยกตัวอย่างเช่น อักษรที่ มีลักษณะหัวแตก (หัวหยัก) ซึ่งได้แก่ ฃ ฅ ฆ ฑ ฒ ต จึงมีค่าเป็นเลข ๓ จะเห็นได้ว่าท่าน อ.พลูหลวง ท่านใช้ลักษณะ รูปลักษณ์ ของตัวเลข เป็นตัวกำหนด
2. เลขศาสตร์ ที่มาจากความเชื่อ คตินิยม
2.1 ความเชื่อที่มาจาก วันที่ ลำดับที่ จำนวน คำพ้องเสียงภาษาถิ่น
เช่น คนจีนไม่ชอบเลข 4 เพราะเวลาออกเสียงคล้ายกับคำว่า ซี้ ที่แปลว่า ตาย ชอบเลข 8 ที่ออกเสียงคล้ายคำว่า ร่ำรวย ในภาษาจีนกวางตุ้ง และ เป็นเลขมงคล โป๊ยเซียน (แปดเซียน)
คนไทยบางกลุ่มไม่ชอบเลข 6 เพราะพ้องเสียงคำว่า หก (หกหล่น) ไม่ชอบเลข 7 เพราะเป็นตัวเลข ดาวเสาร์ ความทุกข์ เศร้าหมอง พลัดพราก ไม่ชอบ 8 เพราะเป็นตัวเลข ราหู คนไทยส่วนใหญ่ชอบเลข 9 เพราะพ้องเสียงกับคำว่าก้าว ก้าวหน้า
ฝรั่งไม่ชอบเลข 13 เพราะเป็นจำนวนคน 13 คนที่ร่วมทานอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า “เดอะ ลาสต์ ซัปเปอร์” (The last Supper) ชอบเลข 7 เพราะพระเจ้าสร้างโลกใช้เวลา 7 วัน ถือเป็นเลขมงคล
2.2 ตัวแทนของอักขระ คาถาอาคม
ระบบนี้ใช้ในการเขียนยันต์ ลงอักขระ เนื่องจากยันต์บางสูตร ไม่สามารถลงอักขระคาถา กำกับได้ครบทุกอักขระ (พื้นที่ไม่พอลงอักขระ) จึงได้ลง เลขตามจำนวนคำในคาถาแทน เช่น
เลข ๓ แทนคาถา มะอะอุ
เลข ๔ แทนคาถา นะมะพะทะ
เลข ๕ แทนคาถา นะโมพุทธายะ เป็นต้น (ทั้งนี้แล้วแต่สูตร ในบางสูตร เลข ๔ อาจจะแทนคาถา จะภะกะสะ , จิเจรุนิ ,อุอากาสะ ,กะระมะถะ บทใดบทหนึ่งก็ได้)
เมื่อเราทราบที่มาที่ไปอย่างคร่าวๆ แล้วคราวนี้เรามา ทราบถึง เคล็ดลับในการนำตัวเลข มาใช้กันเลยครับ
1.เคล็ดลับ ที่สำคัญที่สุดคือ ความเชื่อและศรัทธา (ใช้ได้กับทุกเรื่อง ทุกระบบ)
จากข้อมูลเลขศาสตร์ข้างต้น คุณจะเห็นว่ามีข้อขัดแย้งกันอยู่หลายจุด เช่น
เลข 3 ไคโร กำหนดให้เป็นดาวพฤหัสบดี แต่เลขศาสตร์ไทย กำหนดให้เป็น ดาวอังคาร
เลข 7 ฝรั่งบอกว่าเป็นเลขดี ส่วนเลขศาสตร์ไทย บอกว่า ร้าย เพราะเป็น ดาวเสาร์
เลข 8 คนจีน บอกว่าเป็นเลขดี เลขมงคล แต่เลขศาสตร์ไทยว่า ร้าย เพราะเป็น ราหู
หลายคนคงสงสัยว่า แล้วเราควรจะเลือก แบบไหนดี? คำตอบก็คือ คุณเชื่อและศรัทธา แบบไหน คุณก็ใช้แบบนั้นแหละ อ้าว..แล้วอย่างนี้ควรเลือกเชื่อแบบไหนดีล่ะ? อย่าเพิ่งงงครับ คุณก็เลือกแบบที่คุณเชื่อมากที่สุดนั่นแหละ ผมขอยกตัวอย่าง สมมติว่า คุณมีเชื้อสายคนจีน คุณก็จะได้รับวัฒนธรรมจีน ค่านิยมแบบคนจีน มาเป็นพื้นฐาน จึงทำให้คุณชอบหรือ รู้สึกดีกับ เลข 8 เพราะเป็นเลขดี เลขมงคล ตามที่ได้รับทราบมา คุณก็จะมองเห็นด้านดีของเลข 8 ไม่ว่าจะเป็นคำออกเสียงคล้ายกับ คำว่า ร่ำรวยในภาษาจีนกวางตุ้ง, เป็นสัญลักษณ์ของ โป๊ยเซียน (แปดเซียน) , แปดทิศ ,ความสมดุลสอดคล้อง (วงกลมสองวงที่เชื่อมต่อกัน เชื่อมโยงถึงกันได้) , มีลักษณะคล้ายเครื่องหมาย อินฟินิตี้ (ความไม่มีที่สิ้นสุด) ในเมื่อคุณมีความเชื่ออย่างที่ว่ามานี้ ผมก็เชื่อว่า คุณจะได้รับพลังด้านดี ของเลข 8 ส่งผลให้คุณประสบแต่เรื่องดีๆ ผมเชื่อเช่นนี้จริงๆ เพราะถ้าหากว่า ความเชื่อเรือ่ง เลข 8 เป็นเลขมงคล ของคนจีน ไม่มีเค้าโครงความจริง ไม่ได้แสดงผลดีอะไรเป็นที่ประจักษ์ ความเชื่อนี้ก็คงสูญหายไปนานแล้ว แต่สำหรับคนไทย ที่ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง จริงใจ อยากจะเชื่ออย่างคนจีนแต่ ในใจ เดี๋ยวก็คิดว่าเป็นราหู เดี๋ยวก็คิดว่าเป็นกำลังของดาวอังคาร ไม่สามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ผมขอแนะนำว่าอย่านำ เลข 8 มาใช้เลยนอกจากจะไม่เป็นคุณแก่ตัวแล้วยังอาจจะเป็นโทษก็ได้นะครับ สรุปว่า "เชื่ออย่างไร ก็จะเป็นอย่างนั้นครับ"
2.เลขที่ดีของคนหนึ่ง อาจเป็นเลขไม่ดีของอีกคนก็ได้
หรือ เลขที่เหมาะกับสถานการณ์หนึ่ง อาจไม่เหมาะกับอีกสถานการณ์หนึ่งก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ดาว 5 มีความหมายกว้างๆ ว่า ปัญญา ความรู้ คุณธรรมความดี ความสำเร็จ ผมขอสมมติเปรียบให้เป็น ทองคำหนัก 10 ก.ก.แน่นอนครับ ทองคำ อยู่ที่ไหนก็ยังคงเป็นทองคำ ยังวันยังค่ำ แต่มูลค่าของทองคำนั้น จะมากจะน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คุณลองนึกภาพดูว่า คุณมีทองคำหนัก 10 ก.ก.อยู่ในมือ แต่บังเอิญคุณตกน้ำและกำลังจะจมน้ำเพราะเป็นตะคริว ถ้าให้เลือกระหว่าง กอดทองคำหนัก 10 ก.ก.ไว้กับขอห่วงยางขนาดใหญ่ 1 วง คุณจะเลือกอะไร? มูลค่าของทองคำ ณ.ขณะนั้น คงมีมูลค่า คุณค่าน้อยกว่า ห่วงยาง อย่างแน่นอน ที่ผมยกตัวอย่างแบบนี้เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น พอถึงตรงนี้เดี๋ยวคุณก็จะถามอีกว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเลขใดดี เลขใดเหมาะกับเรา ? คำตอบก็คือ คุณต้องผูกดวงขึ้นมา เพื่อให้ทราบคุณภาพ,ตำแหน่งของดาวและเรือนชะตาโดยนำระบบทักษา มาใช้ร่วม ในการพิจารณาหา เลขที่ดี ที่เหมาะสมกับคุณ(โดยพิจารณาจากพื้นดวงเดิม) ทั้งนี้รวมถึงการเลือกเลข ที่เหมาะสมกับ สภาพแวดล้อม และอาชีพการงาน ด้วย เช่น พนักงานขาย มีความจำเป็นต้องพูดคุย ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ผู้คนจำนวนมาก เลขที่เหมาะก็คือ เลข 4 ซึ่งหมายถึง การเจรจา ติดต่อสื่อสาร การเข้าสังคม ตัวแทน นายหน้า สติปัญญา ยิ่งเมื่อผูกดวงแล้ว ดาวพุธ หรือ เลข 4 ได้คุณภาพดี เป็นดาวเจ้าเรือน หรืออยู่ในเรือนที่ดี (กดุมพะ ปุตตะ ปัตนิ ศุภะ กัมมะ ลาภะ ) และเป็นศรี ตามทักษาด้วยแล้ว ก็ต้องแนะนำให้ใช้ เลข 4 เป็นหลักในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าบังเอิญในพื้นดวงเลข 4เป็นกาลี หรือ เป็นเจ้าเรือน อริ มรณะ วินาศ เราก็ต้องมาพิจารณากันใหม่ อาจถึงขั้นเปลี่ยนอาชีพ กันไปเลยทีเดียว
3.การใช้เลขไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวเลข เท่านั้น
แต่ยังรวมถึง ลำดับที่ จำนวนที่ด้วย สมมติ เราไปซื้อบ้าน ในหมู่บ้านจัดสรร นอกจากเราจะดูเลขที่บ้าน แล้วเรายังต้องดู ลำดับที่ของบ้านด้วย เช่น ถ้าเราเกิดวันอาทิตย์ ดาวศุกร์ เลข 6 เป็นกาลี เพราะฉะนั้นเวลาซื้อบ้าน อย่าเลือกหลังที่หก เป็นต้น ส่วนเรื่องจำนวนนั้น ก็มีผลเช่นกัน จะเห็นได้จาก เลข 13 ที่เป็นจำนวนของผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายของ พระเยซู และโดยส่วนตัวของผม ผมจะมีพระ 5 องค์คล้องคอตลอด บ้านที่อยู่ก็เป็นหลังที่ 5 จากปากซอยย่อย ทั้งนี้ก็เพราะว่าผมเกิดวาร อังคาร ดาวพฤหัสบดี เลข 5 เป็นศรี
4.การนำพลังของตัวเลขมาใช้
ตัวเลขที่เกี่ยวข้องผูกพัน กับขีวิตของเรา แบ่งออกเป็น ตัวเลขที่ไม่สามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลงได้ เช่น เลขที่บัตรประชาชน หรือวันที่เกิด กับตัวเลขที่สามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลงได้ เช่น เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและให้ผลที่ค่อนข้างชัดเจน ถึงแม้พลังของตัวเลข เบอร์โทรศัพท์ จะมีพลังน้อย เนื่องจากมีเลขหลายตัวรวมอยู่ด้วยกัน(ถ้าใครอยากได้พลังจากดาวใดมากเป็นพิเศษ ก็ต้องเป็นเบอร์โทรที่มีตัวเลขนั้นซ้ำหลายๆตัว) และไม่มีความหนักแน่น มั่นคงถาวร (โดยเฉพาะบางคนที่ชอบเปลี่ยนเบอร์โทร บ่อยๆ) แต่ด้วยความถี่ในการใช้งาน กับความผูกพันถึงตัวผู้ใช้ จึงทำให้เบอร์โทรศัพท์ มิอิทธิพลต่อ เจ้าของผู้ใช้ มากขึ้นเป็นเงาตามตัว สรุปง่ายๆ คือ อยู่นาน อยู่ใกล้ ใช้บ่อย จะเป็นการนำพลังของตัวเลขมาใช้ ได้อย่างเต็มที่
5. พลังตัวเลข พลังดวงดาว
ตัวเลขเป็นเพียง ช่องทางหนึ่งที่จะดึงพลังของดวงดาวมาใช้ ในทางโหราศาสตร์ยังมีช่องทางอื่นอีกที่จะสามารถนำพลังของดวงดาวมาใช้ได้ ซึ่งได้แก่ สี อัญมณี หินสี วาร ทิศ สภาพแวดล้อม ชัยภูมิ ต้นไม้ ดอกไม้ วัตถุที่สื่อถึงดวงดาว บุคลิกภาพ ชื่อ-นามสกุล ฉายา เป็นต้น ซึ่งที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่ สามารถที่จะดึงพลังจากดวงดาวมาใช้ได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าหากใครต้องการ พลังจากดวงดาว อย่างเต็มที่ ก็คงต้องใช้ ช่องทางอื่นเสริม เพิ่มเติมจากตัวเลข มาช่วยด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านก็คงยังมีคำถามมากมายอยู่ในใจ เนื่องจากเนื้อหาการอธิบายความอาจจะน้อยไปหน่อย หรือไม่ชัดเจน ทั้งนี้ก็เพราะว่าผมต้องการเขียนไว้เป็นแนวทางเท่านั้น ส่วนเนื้อหารายละเอียด คุณก็สามารถหาอ่านได้จากเว็บไซต์ หรือ หนังสือเลขศาสตร์ ที่มีจำหน่ายอยู่ในร้านหนังสือทั่วไป และก็คงมีอีกหลายท่านที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป แต่ถ้าใครจะส่งข้อความหรือโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมก็ยินดีครับ สุดท้ายนี้ อย่างที่ผมบอกไว้ในข้างต้นว่า เนื้อหาทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ผมได้มาจาก ตำราของท่าน อ.พลูหลวง และก็ได้นำเสนอความคิดของผมเข้าไปด้วย ฉะนั้น คุณงามความดีทั้งหลายที่เกิดจากบทความนี้ ก็ขอมอบให้กับ ท่านอ.พลูหลวง " บิดาแห่งเลขศาสตร์ไทย " ส่วนข้อผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้น ผมขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว และจะพยายามเขียนบทความที่มีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้มาให้อ่านกันอีกครับ สวัสดี.