ฤาจะถึงกาลอวสาน ของโลก 2012 โดย ปราณเวท
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจ กับครอบครัวของผู้สูญเสีย จากเหตุการณ์คลื่นสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมาครับ พอทราบข่าวและได้เห็นภาพแล้ว รู้สึกหดหู่ใจอย่างไง ไม่ถูก หวังไว้แต่เพียงว่า เหตุการณ์อย่างนี้ คงจะไม่เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นที่ใดในโลกก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ ร้ายๆ ที่ผ่านมา หลายครั้ง ทำให้หลายคนตั้งคำถาม "หรือว่าใกล้ถึงวันสิ้นโลกแล้วจริงๆ" บวกกับที่ผ่านมา มีบทความ ภาพยนตร์ เกี่ยวกับวันสิ้นโลก หลั่งไหลออกมามากมาย จนทำให้ผมซึ่งเดิมที ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ซักเท่าไร ต้องหันกลับมาคิดอย่างจริงจังว่า มีความเป็นไปได้ไหม ลองมาคิดดูกันทีละข้อนะครับ เกี่ยวกับคำทำนายวันสิ้นโลก 22 ธันวาคม 2012
1. สนามแม่เหล็กโลก จะเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือสลับขั้วกัน จนทำให้โลกวิบัติ
ข้อนี้ผมไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ เลยอธิบาย ยากซักหน่อย แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่า โลกเรานี้ใหญ่มาก มวลมหาศาลขนาดนี้ ถ้าจะมีอะไรก็ตาม ทำให้โลกเปลี่ยนแปลง ได้ในฉับพลัน ผมว่าสิ่งนั้นต้อง ใหญ่มาก และเราก็น่าจะมองเห็น รับรู้ถึงสภาพความผิดปกติ ก่อนล่วงหน้านานมากๆ ลองย้อนกลับไป ตอนที่อุกกาบาต ขนาดใหญ่ ชูเมกเกอร์-เลวี่ 9 ที่มีขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 กม. พุ่งชนดาวพฤหัส ในปี 2537 เหตุการณ์ในครั้งนั้น นักดาราศาสตร์ค้นพบ และคาดการณ์ว่า อุกกาบาตนั้นจะพุ่งชนดาวพฤหัส ล่วงหน้าประมาณ 1 ปี และมีการหวาดวิตกว่า อาจทำให้ดาวพฤหัส แตกหรือ เสียสมดุลย์จน
ทำ ให้ระบบสุริยะจักรวาล เกิดการเปลี่ยนแปลง และส่งผลให้โลกต้องแตกไปด้วย (เป็นการหวาดวิตก ของคนทั่วไป ถึงแม้นักดาราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ จะแถลงการณ์ว่าอาจจะไม่มีผลกระทบต่อโลกแต่อย่างใดก็ตาม)
เหตุการณ์ในครั้งนั้น มีการถ่ายทอดสด ขณะที่เกิดการพุ่งชนด้วย บรรยากาศในประเทศไทย ครั้งนั้นเท่าที่ผมสัมผัสเอง คือ บางครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้ากัน นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน และพูดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ก็ขออยู่ด้วยกัน ตายพร้อมกัน (ถึงแม้ว่า ถ้าดาวพฤหัสเกิดแตกขึ้นมาจริงๆ ก็คงต้องใช้เวลานาน กว่าจะส่งผลถึงโลก) ความรุนแรงในการชนส่วนที่ใหญ่ที่สุด เทียบได้เท่ากับระเบิด TNT ขนาด 6 ล้านตันแต่เนื่องจากดาวพฤหัส มีมวลที่ใหญ่มาก เป็นดาวที่ใหญ่ จึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงนัก (ถ้าพุ่งชนโลก แรงระเบิด จะทำให้เกิดหลุมขนาดยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 60 กม.) นี่ขนาดเรื่องของดาวพฤหัส ที่อยู่ห่างไ จากโลกเราตั้งหลายร้อยล้านกิโลเมตร เรายังสามารถรับรู้ล่วงหน้าได้ เป็นปี แล้วเรื่องของโลกเรา มีหรือที่จะไม่รู้
เพราะฉะนั้น สมมติฐาน ข้อนี้ผมยังไม่เชื่อถือนัก
2. ดาวในระบบสุริยะจักรวาล เรียงตัวอยู่ในแนวเดียวกัน
ข้อนี้ก็เหมือนกันครับ ไม่มีความรู้ แต่เท่าที่ทราบก็ มีข่าวออกมาหลายกระแส บ้างก็บอกวันที่ 8-11 มิถุนายน 2010 จะเกิดการเรียงตัวของดาวในระบบสุริยะจักรวาล แล้วจะทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ นาๆ ซึ่งก็ได้ผ่านมาแล้ว และก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง อย่างที่คาดการณ์แต่อย่างใด มาคราวนี้ปี 2012 อีก ผมก็เลยคิดว่า แหล่งข่าวที่ออกมาเตือนนั้น ไม่ค่อยน่าเชื่อถือซักเท่าไร (ลองหา search ใน google ดูละกัน)
3. ปฏิทินของชาวมายัน ระบุวันสิ้นโลก
ถ้าพูดถึงเรื่องนี้เราจำเป็น ต้องรู้ประวัติศาสตร์ เพิ่มเติมดังนี้ครับ
- โลก มีอายุประมาณ 4,500 ล้านปี
- มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เริ่มต้นยุคหิน เมื่อประมาณ 500,000 ปีที่ผ่านมา
- ภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีขึ้นประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล เป็นภาษาซูเมเรียน ในอาณาจักรบาบิโลน
- อาณาจักรชาวมายัน รุ่งเรืองก่อน คริสตกาล 500 ปี
- ปฏิทินชาวมายัน ระบุทุก 5,125 ปี จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่ ดวงอาทิตย์สัมพันธ์กับศูนย์กลางทางช้างเผือก อาจมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งนี้ปี 2012 เป็นครั้งที่ 5 นั่นแสดงว่า ปฏิทินนั้นต้องถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 25,625 ปีที่แล้ว
จากข้อมูลข้างต้น เราคงพอเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ว่านี่คือเรื่องที่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ (ข้อมูลทั้งหมด ผม search หามาจากเว็บที่น่าเชื่อถือได้ โดยเฉพาะ วิกิพีเดีย) เพราะถ้าคำกล่าวที่เกี่ยวกับปฏิทินมายันเป็นจริง ประวัติศาสตร์ชาวมายัน คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะนั่นหมายความ อาณาจักรชาวมายัน น่าจะมีก่อนคริสตกาล 23,614 ปี และต้องมีระบบการจัดเก็บข้อมูลชั้นเยี่ยม ที่จะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี และเราน่าจะพบหลักฐานทางภาษา และบันทึกต่างๆ อีกมากมาย ตลอดจน ร่องรอยหลักฐานต่างๆ ของการเกิดภัยพิบัติขั้นล้างโลก และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประวัติศาสตร์โลก ต้องผิดหมดแน่ และกลายเป็นว่า ภาษาชาวมายัน เป็นภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย ซึ่งไม่จริง
จากข้อมูลทั้งหมด ผมจึงขอสรุปว่า สมมติฐานนี้ ไม่น่าเชื่อถือ แต่ถ้าใครจะเถียงว่า ชาวมายัน อาจมีความสัมพันธ์กับ มนุษย์ต่างดาว และปฏิทินของชาวมายัน อาจเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาว ผมก็ต้องยอมแพ้ และจนใจ ที่จะอธิบายครับ
4. คำทำนายของ นอสตราดามุส
ถ้าให้พูดถึงคำทำนายของ นอสตราดามุส นี่ผมก็อยากให้ทุกคน ลองหวนกลับไปทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาดูอีกที ในอดีตผมเคยอ่านคำทำนาย ของนอสตราดามุส ว่าโลกจะเกิดภัยพิบัติจาก สงครามโลกครั้งที่ 3 ในปี 1999 ก็เมื่อประมาณ 12 ปีที่ผ่านมา ทำไมคำทำนาย ถึงผิด เชื่อไหมครับจนถึงตอนนี้ก็มีคนเชื่อคำทำนาย ของ นอสตราดามุส อยู่โดยให้เหตุผล อย่างลำเอียงเข้าข้างโหรเอก ของโลกว่า นอสตราดามุส ไม่ได้ทำนายผิด คนที่ผิดคือ คนที่ตีความคำทำนายต่างหาก เพราะคำทำนายของนอสตราดามุส ไม่ได้ระบุอะไรไว้อย่างชัดเจน เป็นเพียงคำโคลง ที่เขียนไว้อย่างกว้างๆ
นั่นคือเหตุผลของคนที่เชื่อ แต่ถ้านอสตราดามุส มีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน คงต้องตะลึงกับคำทำนาย ของโหรในปัจจุบันครับ เพราะโหร หมอดู สมัยนี้สามารถกำหนดเวลาค่อนข้าง ชัดเจน อย่างตรงประเด็น ทำนายได้อย่างละเอียด ลึกซึ้งมาก ไม่ใช่ทำนายไว้อย่างกว้างๆ ลองนึกดูนะครับ ถ้าผมบอกว่า โลกของเราต้องพบกับภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวง จะมีคนตายนับแสน นับล้าน และจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน หรือในอนาคตโลกต้องแตกแน่นอน แต่ไม่ระบุเวลาหรือรายละเอียดเหตุการณ์ อย่างนี้ยังไงก็แม่น เพราะมันเป็นสิ่ง ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ยังไงเหตุการณ์ที่ผมทำนายไว้ ก็ต้องเกิดขึ้นซักวันแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรก็เท่านั้นเอง
ผมเคยอ่านหนังสือ เกี่ยวกับวันสิ้นโลก มาหลายเล่มครับ ที่น่ากลัวที่สุดก็เมื่อ ประมาณปี 2526 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้นประถม ดันไปเอาหนังสือชื่อเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ในปี 2527 ก็ตามแนวหนังสือประเภทนี้ละครับ บอกว่าเป็นคำทำนายของแม่ชีฝรั่ง คนหนึ่งว่าโลกจะถึงกาลวิบัติในปี 2527 อ่านแล้วเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง รู้สึกน่ากลัวมากๆ พูดกับใครเขาก็ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครสนใจ ถามแม่ๆก็เฉยๆไม่ได้อธิบายอะไร ก็คิดแต่ว่า ถ้าถึงเวลาตายก็ต้องตาย และไม่ได้นำมาคิดอะไรอีก เพราะใครๆ เขาก็ไม่สนใจ จนลืมไปเลยครับ พอเลยปี 2527 ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นทำให้ผมเสื่อมความเชื่อถือ หนังสือแนวนี้ไปเยอะเลย
สรุปว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปี 2012 จะเป็นวันสิ้นโลกจริงหรือไม่ก็ตาม มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่เราต้องนำมาคิดวิตกกังวล ให้มากนัก เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้น เราคงทำอะไรไม่ได้เท่าไรหรอกครับ ดูอย่างสึนามิ ที่ญี่ปุ่น ซิครับ ประเทศเขามีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ผู้คนถูกฝึกให้เตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ ตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่วายให้เกิดความสูญเสียมากมายขนาดนี้ ถ้าเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดกับประเทศอื่น ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญในการป้องกันภัยธรรมชาติ ความสูญเสียก็คงมากกว่านี้หลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตามที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อทำให้ ท่านผู้อ่านได้เข้าใจและอย่าวิตกกับ คำทำนายต่างๆ มากเกินไป จะเชื่ออะไร ก็ต้องยึดหลักธรรม กาลามสูตร 10 เป็นบรรทัดฐาน สำหรับตัวผมเองก็เคยลองผูกดวง วันที่ 22 ธันวาคม 2012 ดูแล้วก็ยังไม่เห็นจะมีอะไร น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทย ผมว่าที่น่าเป็นห่วงก็ ดาวอังคารที่พักร องศาในราศีสิงห์ ตั้งแต่ ตุลาคม 2554 - มิถุนายน 2555 และมีดาวบาปเคราะห์ หลายดวงกระทบ ดวงเมืองนี่ล่ะครับ ยังไงซะก็ขอฝากประโยคนี้ไว้ด้วยครับ "จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว แต่จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท"