โฉลกวิถีทั้ง ๙ เรียบเรียงโดย ปราณเวท
" โฉลกวิถีทั้ง ๙ " ผมให้นิยามของคำนี้ว่า " วิถีแนวทาง 9 ประการ ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ ที่จะช่วยเสริมสร้างโอกาส ความสำเร็จ และโชคดีให้แก่เจ้าชะตา โดยการใช้ศักยภาพของดาวในดวงชะตาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ " (โฉลก แปลว่า โชค,โอกาส)
ในสังคมทุนนิยม ยุคปัจจุบัน หลายคนตั้งคำถามว่า เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร ซึ่งถ้าตอบตามหลักวิชาวิทยาศาสตร์ การบริหารจัดการ ก็คือ
- ต้องกำหนดเป้าหมายในชีวิต ,วางแผนในการดำเนินชีวิต (PDCA)
- พัฒนาตัวเอง ให้มีความรู้ ความสามารถ
- กล้าคิดกล้าทำ มีความคิดเชิงบวก มีความมุ่งมั่น
- สร้างโอกาส ให้กับตัวเอง ฯลฯ
แต่ก็อย่างที่เราทราบกันดีว่า ถึงแม้เราจะปฏิบัติได้ตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้หมดทุกคน บางคนก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จอย่างที่คาดหวัง หลายคนผิดหวัง และท้อแท้ ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เจอะเจอกับเรื่องราวลักษณะนี้ มากันบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่น
- ร้านค้ากำลังขายของดีๆ แต่ต้อง ถูกเวนคืนที่ดิน หรือ เกิดไฟไหม้ ถูกโจรกรรม
- ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดกิจการ กำลังไปได้สวย แต่ต้องมาผิดใจกันบางประการ จนต้องเลิกกิจการไปในที่สุด
- ตัดสินใจลงทุนเปิดกิจการ กำลังจะไปได้ดี แต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง หรือ โรคระบาด เลยทำให้ธุรกิจย่ำแย่
- ทำงานดี ทำงานเก่ง เก่งคน เก่งงาน แต่ไม่ค่อยมีความเจริญก้าวหน้า ในตำแหน่งหน้าที่การงานเท่าที่ควร เงินเดือนไม่ค่อยขึ้น เพราะไม่ถูกกับเจ้านาย หรือ หัวหน้า เจ้านายชอบคนประจบเอาใจมากกว่า หรือ เจ้านายชอบคนที่เก่ง แต่ต้องไม่เก่งเกินเจ้านาย เพราะเจ้านายบางคน ทำใจไม่ได้ที่จะเห็นลูกน้องเก่งกว่า, หรือ ทัศนคติของเรากับหัวหน้าไม่ตรงกัน
- บางคนชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ ไปได้ดี หน้าที่การงานมีความเจริญก้าวหน้า กลับต้องพบกับโชคร้าย เช่น การเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยร้ายแรง แบบไม่ทันตั้งตัว
เรื่องราวที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมยุคปัจจุบัน และมีผู้คนจำนวนมากที่มักตั้งคำถามว่า ” ทำไม???“ และคำถามอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย เช่น
- เราจะทำอะไรดี ?
- ควรทำที่ไหน ทำเลแบบใด และควรทำกับใคร ?
- เราควรจะทำอย่างไร ?
- เมื่อไรควรเริ่มลงทุน เมื่อไรควรชะลอ เมื่อไรควรเลิก หรือเมื่อไรควรขยายกิจการต่อ ?
- ทำไมกิจการที่ทำอยู่ งานที่ทำอยู่ ถึงมีแต่ปัญหา ไม่พุ่งรุ่งเท่าที่ควร ?
- มีทางออกของปัญหานั้นๆ อย่างไร ?
คำถามเหล่านี้ เป็นสิ่งที่อยู่ในใจ ของคนทำงานอย่างเราๆ ทุกคน (ผมเองก็คิดเหมือนกัน) คำตอบของคำถามทั้งหลายเหล่านี้ ผมพยายามหาคำตอบเช่นเดียวกัน จนได้ข้อสรุปว่า
“ ความสำเร็จ นั้น มาจาก 2 ปัจจัยหลักๆ คือ ความสามารถ + โอกาส” (คำนี้ ผมไม่ได้คิดเองนะครับ อ่านมาจากหนังสือเกี่ยวกับ การบริหารจัดการ เล่มหนึ่ง แต่จำไม่ได้ ว่าเป็นหนังสือของท่านใดแต่งไว้ ต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ ด้วยครับ)
ซึ่งความสามารถนั้น เกิดจากตัวเราเอง เป็นสิ่งที่เราเป็นผู้กำหนดเป็นส่วนใหญ่(เรียกได้ว่า เป็นปัจจัยภัยใน) สำหรับคำว่า โอกาส นั้นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมจัดการได้มากนัก (เป็นปัจจัยภายนอก)
ต้องยอมรับว่า ในบางครั้ง คนที่มีความสามารถมากๆ ก็สามารถที่จะสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้มากกว่าคนอื่น ไม่ต้องอะไรมากครับ แค่หน้าตาดีก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่นแล้วครับ จริงไหม? (รูปสมบัติ) ส่วนคนที่มีโอกาส มากๆ อาจจะไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรนัก ก็อาจจะประสบความสำเร็จได้ เช่น คุณพ่อรวย ญาติเป็นคนดัง หรือ มีผู้ให้การช่วยเหลือ แบบระบบอุปถัมภ์ เผอิญรุ่นพี่ที่คณะเป็นหัวหน้า, เจ้านายเป็นเพื่อนกับคุณแม่ ประมาณนี้ครับ
แต่อย่างไรก็ตาม “ความสามารถ กับ โอกาส ไม่ได้เป็นสิ่งที่ คงที่ ตายตัว ปัจจัยทั้ง 2 ปัจจัยนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จึงส่งผลให้ ความสำเร็จของเรานั้น ไม่แน่นอน ไปด้วยเช่นกัน”
โปรดอย่าได้คิดว่า ความสามารถของเรานั้น จะยังเป็นที่ยอมรับ เป็นที่ต้องการเสมอไปชั่วนิรันดร์กาล ถ้าหากเราไม่รู้จักพัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ความรู้ ความสามารถที่เรามีอยู่นั้น อาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้อีก ถึงแม้ที่ผ่านมา เราจะเคยประสบความสำเร็จมาแล้วก็ตาม
เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จ และรักษาความสำเร็จนั้นไว้ เราจึงต้อง หมั่นพัฒนา เพิ่มพูน ความรู้ความสามารถของตนเอง และ พยายามมองหา โอกาสที่ดี ให้กับตนเอง
เรื่องความรู้ ความสามารถ เป็นเรื่องที่คุณต้องไป หาเรียนรู้เพิ่มเติมกันเองนะครับ ส่วนเรื่องโอกาส นั้นผมพอจะช่วยได้ แต่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า " โอกาสไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน โอกาสมีไว้สำหรับคนที่พร้อม" คนที่จะสามารถใช้โอกาส ก่อให้เกิดความสำเร็จได้ ทั้งนี้ก็เพราะ โอกาส (จังหวะ เวลาที่เหมาะสม) นั้นมักจะเป็นเรื่องของอนาคต เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่พอที่จะ...พยากรณ์ได้ครับ
จะดีกว่าไหม ถ้า...?
“ คุณรู้จังหวะโอกาสที่ดี ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต ว่าจะมาประมาณเมื่อไร?”
“ เรารู้ว่า เมื่อไรเราควรจะหยุด หรือ เมื่อไรที่เราควรจะถอย”
“ เราสามารถที่จะเพิ่มหรือ ส่งเสริมโอกาส ให้มีมากขึ้นได้ในอีกแนวทางหนึ่ง (ซึ่งเป็นแนวทางพิเศษ ตามหลักโหราศาตร์) "
ครับ สิ่งที่จะส่งเสริม โอกาส ในแนวทางของโหราศาสตร์นี้ ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ไทย ก็มีปกรณ์วิชาอยู่นะครับ คือ “จตุรงคโชค” (ซึ่งถ้าเป็นคำแปลของ อ.เปลื้อง ณ นคร คือ โชค ๔ ประการ ได้แก่ ๑. พระเคราะห์ดี ๒. วัน เดือน ปี แห่งการออกรบดี ๓. กำลังทหารเข้มแข็ง ๔. เสบียงอาหารบริบูรณ์) อันได้แก่ สี ,อัญมณี, ชื่อ, ชัยภูมิ ซึ่งใช้ยึดถือกันมานานแล้ว
สำหรับตัวผมเอง จากหลักวิชาโหราศาสตร์ไทย กับประสบการณ์ที่ผ่านมา บวกกับสมัยนิยม ณ.ปัจจุบัน ผมขอสรุปแนวทาง ที่จะส่งเสริมโอกาส-ความสำเร็จ โฉลกโชคลาภ ในมุมมองของผมออกเป็น 9 ประการ ซึ่งผมขอเรียกว่า “โฉลกวิถีทั้ง ๙ “ อันได้แก่ สี ,ชื่อ ,อัญมณี ,โหราภูมิทัศน์, ตัวเลข, บุคคล, ดาวจร ,สิ่งศักดิ์สิทธิ์, กรรม ซึ่งมีรายละเอียดพอสังเขปดังนี้ครับ
โฉลกวิถีทั้ง ๙
๑. สี
สีนั้นมีผลอย่างมาก ต่ออารมณ์ ความรู้สึก ของผู้ที่ได้พบเห็น ในทางโหราศาสตร์ สีเป็นสิ่งที่นำมาใช้ในการเสริมดวงชะตา หรือ ปรับแก้ดวงชะตา กันมานานแล้ว โดยจะเลือกใช้สี ที่เป็นมงคล ก่อให้เกิดโฉลกโชคลาภ โอกาส ความสำเร็จ แก่ตัวเจ้าชะตา ซึ่งจะพิจารณาจากดาวในพื้นดวง และ ทักษา เป็นหลัก (ในสมัยก่อน มักจะใช้กับเรื่องเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย)
๒. ชื่อ
แต่โบราณมา ชื่อของบุคคลนั้นนับได้ว่า มีส่วนในการพิจารณาถึง โฉลกโชคลาภ ความสำเร็จ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งในปัจจุบันนี้ ชื่อนั้นยิ่งถูกจัดให้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ระดับต้นๆ ของการส่งเสริม โฉลกโชคลาภ ความสำเร็จ ซึ่งการพิจารณาเรื่องชื่อนั้น ผมจะใช้ ราศีจักร ทักษา เลขศาสตร์ เป็นหลักในการพิจารณา สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความตามลิ้งก์นี้ ครับ www.horapayakorn.com/index.php
๓. อัญมณี
การใช้อัญมณี ในการปรับดวงชะตา เสริมดวงชะตา เป็นที่นิยมมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วครับ สำหรับอัญมณี ในมุมมองของผม ผมเห็นว่ามีความสำคัญมากกว่า การใช้สี เสียอีกนะครับ เพราะ อัญมณี ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น ย่อมมีพลังแห่งจักรวาล อัญมณี เป็นแร่ที่เกิดการตกผลึก ต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะกลายมาเป็นอัญมณีได้ เพราะฉะนั้น อัญมณี ก็จะค่อยๆ ซึมซับเอา พลังจักรวาล มาเก็บไว้ที่ตัว และมีพลังแตกต่างกันออกไป ตามลักษณะสี ของแต่ละอัญมณี
ในการนำอัญมณีมาใช้ ส่งเสริม ปรับโฉลกโชคลาภ เสริมดวงชะตา จะพิจารณา จากระบบทักษา และ ดาวที่ดี ที่เข้มแข็ง ในดวงชะตาเป็นหลักครับ
๔. โหราภูมิทัศน์(ชัยภูมิ,ทำเลที่ตั้ง)
โหราภูมิทัศน์ เป็นหัวข้อที่มีเนื้อหา ค่อนข้างมาก ถ้าให้เปรียบเทียบ ก็จะคล้ายๆ กับ ศาสตร์ฮวงจุ้ย ครับ แต่ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาตามหลักวิชา โหราศาสตร์ไทย ตำราพิชัยสงคราม ผสมผสานกับความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีของไทย เข้าไว้ด้วยกัน
ซึ่งโดยรวมแล้ว ก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่อง ที่ดิน ลักษณะพื้นที่ ลักษณะบ้าน อาคาร ต้นไม้ ศาลพระภูมิ-เจ้าที่ ทิศทาง ฯลฯ เพื่อนำมาพิจารณาประกอบกับ พื้นดวง, ชื่อ ,บุคลิกภาพ,อาชีพของเจ้าชะตา ให้ทราบถึง จุดตำแหน่งที่ดี และเสีย ทำเลที่ถูกโฉลกกับตนเอง
อย่างเช่น เจ้าชะตาชื่อ อัคคี แต่อยู่บ้านเลขที่ 46 (คู่ดาวธาตุน้ำ) หมู่บ้านชลนรินทร์ (แปลว่า เมืองน้ำ) หรือพักอาศัยอยู่แถวปากน้ำ นั่นก็จะทำให้ เจ้าชะตา ไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพราะชื่อ กับ ทำเลที่พักเป็นปรปักษ์กัน (ไฟกับน้ำ) ไม่ได้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
๕. ตัวเลข-จำนวน
เรื่องของตัวเลข-จำนวน เป็นแนวทางที่ค่อนข้างจะเป็นสากลมากๆ รู้จักและนิยมใช้กันโดยทั่วไป แนวทางนี้จะถูกนำมาใช้ในการพิจารณาหา เบอร์โทรศัพท์ , ทะเบียนรถ ,เลขที่บ้าน,เลขประจำตัว โดยส่วนตัวผมเอง ผมจะพิจารณา ตัวเลข-จำนวน จากระบบราศีจักร ,ทักษา,เลขศาสตร์ เป็นหลัก ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ตามลิ้งก์นี้ ครับ www.horapayakorn.com/index.php
๖. บุคคล (ผู้อุปถัมภ์ ช่วยเหลือ)
เป็นการพิจารณาว่า บุคคลที่จะนำโฉลกโชคลาภ โอกาส ความสำเร็จ มาให้นั้น จะมีลักษณะใด รวมไปถึง บุคคลลักษณะใด ที่เราควรจะอยู่ห่างๆ หรือ รักษาระยะคบหากันพอประมาณ พิจารณาว่า ใครมาดี ใครมาร้าย
๗. ดาวจร (การโคจรของดาว/พยากรณ์จร)
ข้อนี้ เป็นการพิจารณาดาวจร กระทบกับพื้นดวงของเจ้าชะตา หรือที่เรียกว่า “การพยากรณ์จร” เป็นเครื่องมือที่จะให้คำแนะนำกับเราว่าช่วงเวลาใดที่เหมาะสม ในการประกอบภารกิจ ช่วงใดรุ่ง ช่วงใดร่วง ช่วงเวลาใด ที่ควรนิ่งเฉย ,หยุด ,หรือ ถอยออกมา อะไรเป็นจุดส่งเสริม อะไรเป็นจุดเสีย จุดเสื่อมในดวงชะตา ในช่วงเวลานั้นๆ และมีทางออกอย่างไร ? วันใดควรนัดหมายเจรจา วันใดควรนำเสนอผลงาน อย่างนี้เป็นต้น
๘. อาถรรพ์ ความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไสยศาสตร์ พลังจักรวาล
คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ว่าสังคมวัฒนธรรมไทยนั้น มีความผูกพัน เชื่อมั่น ศรัทธา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ ค่อนข้างมาก และในพื้นดวงชะตาของแต่ละคน ก็มีดาวที่บ่งบอกถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัว เครื่องราง วัตถุมงคล รวมถึงพิธีกรรม(เช่น การบูชาดวงชะตา) ที่ส่งเสริม เกื้อหนุน ดวงชะตา ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ดวงชะตาครับ
๙. กรรม (สำคัญที่สุด)
กรรม คือ การกระทำ ซึ่งในที่นี้ผมยังหมายถึง อาชีพการงาน บุคลิกภาพ พฤติกรรม ด้วยนะครับ ซึ่งเราต้องเลือกให้ถูกโฉลกกับตนเอง หลักๆ แล้ว ก็จะเน้นการทำกรรมดี การทำบุญ ทั้งนี้เพราะกรรมดี บุญ ย่อมเป็นกำลัง ส่งผลเกื้อหนุนให้ดวงชะตา ดีขึ้นหรือ พบเจอแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นมงคล ส่วนบาปกรรม จะเป็นสิ่งบั่นทอน ฉุดรั้งดวงชะตา ความเป็นอยู่ของเราให้พบเจอแต่ปัญหาอุปสรรค ชีวิตตกต่ำ ย่ำแย่ลง (หมั่นทำกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว)
*** กรรมดี คือ การกระทำใดๆ ที่เป็นประโยชน์กับตนเองและผู้อื่น รวมทั้งไม่เป็นโทษกับตนเอง และผู้อื่นด้วยเช่นกัน อย่างนี้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็น กรรมดี (ตามมุมมองของผม นะครับ)***
สูตรสำเร็จของข้อนี้ ตามมุมมองของผม คือ บุญ(ทาน ศีล ภาวนา) + สัจจะ + อธิษฐาน = สำเร็จตามที่คาดหวัง
ครับ ทั้งหมดก็เป็น แนวทาง ปรับโฉลกวิถีทั้ง 9 ข้อ โดยสังเขป เป็นเครื่องมือในการถอดรหัสเงื่อนไขของดวงดาว ตามหลักโหราศาสตร์ ที่จะมาช่วยเพิ่มโอกาส ให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น
ผมไม่ได้บอกนะครับว่า โหราศาสตร์จะ ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างแน่นอน 100% ผมเพียงแต่อยากจะบอกว่า โหราศาสตร์ เป็นอีก 1 ตัวช่วย เป็นอีก 1 เครื่องมือ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาส ในการเสริมสร้างความสำเร็จให้แก่เจ้าชะตา (ความสามารถ + โอกาส = ความสำเร็จ) โดยที่เจ้าชะตา เป็นผู้กำหนดและเลือกทางเดิน ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า "สัตว์โลกย่อม..เป็นไปตามกรรม" ตามคำสอนของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราไม่สามารถทำอะไรหรือได้อะไรที่เกินไปกว่า กำลังแห่งบุญ วาสนาบารมี ที่เราได้ทำสะสมไว้ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติได้ รวมถึงเราไม่สามารถสะเดาะเคราะห์กรรมต่างๆ ให้หมดไปได้อย่าง 100%
เรายังคงต้องรับผลกรรม ที่เราได้เคยกระทำไว้ ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติอยู่ดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำได้ดีที่สุดก็คงเป็นการ ผ่อนหนักให้เป็นเบา ปรับเรื่องร้ายๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่เราพอยอมรับได้ หรือ หาตัวช่วยเพิ่ม เพื่อใช้ในการฟันฝ่าปัญหาอุปสรรค เคราะห์กรรมต่างๆ เท่านั้นเองครับ
22 มีนาคม 2563