ข้อแนะนำในการดูดวง โดย ปราณเวท
มักมีคนสงสัยสอบถามมาค่อนข้างมาก เกี่ยวกับเรื่องการดูดวง ซึ่งข้อสงสัยต่างๆ นาๆ ก็เกิดจากการที่ ผู้ถามขาดความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องโหราศาสตร์, พยากรณ์ศาสตร์ ผมก็เลยถือโอกาสนี้แนะนำ ข้อคิดแก่ท่านผู้อ่านที่ยังไม่ทราบให้ได้ทราบ เสียเลย คืออย่างนี้ครับ ปกติเวลาเราไปดูดวงเรามักจะเจอปัญหาหรือ ข้อสงสัยต่างๆ เช่น
- จะทายแม่นไหม ?
- จะถูกหลอกไหม ?
- กลัวคำทำนาย ถ้าหมอดูทายว่าจะมีเคราะห์ ก็จะทุกข์ใจ ไม่สบายใจ
- ทำอย่างไร จึงจะหมดเคราะห์ แก้ไขดวงชะตาได้
เหล่านี้เป็นปัญหา ข้อสงสัยเบื้องต้น ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า วิชาโหราศาสตร์ หรือ วิชาพยากรณ์ศาสตร์ ต่างๆ ล้วนแล้วมาจากการเก็บบันทึก รวบรวมข้อมูล เป็นสถิติ ในอดีตต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน เพราะฉะนั้น วิชาโหราศาสตร์ ต่างๆ จึงมีค่าควรแก่การเชื่อถือได้ เช่นเดียวกับวิชาสมัยใหม่ ที่อาศัยข้อมูลสถิติ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การทำนายดวงชะตา นั้น คงไม่มีหมอดู ,โหร คนไหน สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ 100 % ในทุกครั้ง ทุกเรื่อง ซึ่งครูของผม ท่านก็เคยบอกว่า การทำนาย ดวงชะตานั้น บางครั้งท่าน ก็ทำนายได้อย่างแม่นยำ เหมือนมีตาทิพย์ คือ ทำนายได้ถูกต้องทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็มี บางครั้งก็ทำนายผิด แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็มี ก็อย่างว่าครับ การทำนาย จะให้ถูกต้อง แม่นยำ 100 % ทุกเรื่องทุกครั้ง คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหมอดู,โหร ที่มีหลักวิชาที่ดี ประสบการณ์ที่มากพอ ก็ย่อมสามารถออกคำทำนายได้ ถูกต้อง แม่นยำ เป็นส่วนใหญ่
สำหรับกรณีที่ ไปดูดวงมา แล้วปรากฏว่าหมอดู ทายผิด ทายไม่แม่น ก็น่าจะมีสาเหตุมาจาก หลายๆ ประการดังนี้
1. หมอดู คนนั้นยังมีประสบการณ์ ไม่มากพอที่จะทำนายในเรื่องนั้นๆ
2. หลักวิชาที่ใช้ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือมีข้อจำกัดในการทำนาย ยกตัวอย่างเช่น การเสี่ยงเซียมซี วิธีนี้ต้องอาศัย อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย บวกกับจิตตานุภาพ ของผู้ที่ทำการเสี่ยง ในการทำนายอนาคต ซึ่งก็มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถทำนายเป็นเรื่องราวได้ ไม่สามารถทำนายสภาพการดำเนินชีวิตได้ ไม่สามารถกำหนดเวลาที่จะเกิดเรื่องได้ นี่ยังไม่คิดถึงข้อผิดพลาดอื่นๆอันอาจจะเกิดขึ้นได้อีก เช่น ตัวเลขไม่ชัด ไม้เซียมซีไม่ครบ ฯลฯ เพราะฉะนั้น การเสี่ยงเซียมซี จึงเหมาะกับความต้องการดูดวงในภาพรวมๆ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น (ซึ่งก็มีความแม่นยำในระดับที่น่าพอใจเช่นกัน)
3. เจ้าของดวง บอกวัน เวลาเกิด ผิด (ข้อนี้อาจจะไม่ใช่ปัญหา สำหรับหมอดู ที่เก่งๆ ส่วนใหญ่ ที่เชี่ยวชาญในการสอบลัคนา)
4. ทำนายตามใจ ตามความคิดเห็นส่วนตัว ของหมอดู เป็นใหญ่ ใจไม่เป็นกลางไม่ยึดหลักวิชา
5. ทำนายเอาใจ ผู้มาให้ดูดวง มากเกินไป
6. ผู้ที่มาดูดวง ตั้งใจมาแกล้งลองวิชา หรือ ไม่ได้ตั้งใจมาดูดวงจริงๆ กรณีนี้จะพบมากในการดูดวงทางอินเตอร์เน็ต หรือ ทางโทรศัพท์ เนื่องจากผู้ที่พยากรณ์ ไม่เห็นหน้าตา บุคลิกที่แท้จริง ดูดาว จันทร์ กับดาวศุกร์กุมลัคนา ในราศีกรกฏ ก็ทายกันว่า เป็นคนผิวขาว หน้าตาดี มีเสน่ห์ ยิ่งถ้าผู้ให้มาดูดวงเป็นคนหลงตัวเอง ตอบรับคำทายว่าแม่นก็ไปกันใหญ่เลย เอาเป็นว่า ดาวกุมกัน ลักษณะนี้ผมว่า ชาวไนจีเรีย คองโก ซิมบับเว ฯลฯ เขาก็คงมีกันอยู่ แล้วผิวมันจะขาวสวยเลย ก็คงยาก แต่ถ้าบอกว่าขาวสวย กว่าคนชาติเดียวกัน ก็พอรับฟังกันได้ แต่คงขาวสู้ เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่ได้แน่ ในเรื่องนี้ก็ลองพิจารณากันดูครับ
7. จักรวาลไม่ได้หยุดนิ่ง อยู่กับที่ จักรวาลมีการเคลื่อนที่ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความสัมพันธ์ระหว่าง ดวงดาวกับโลก ก็ไม่ได้มีอัตราค่าคงที่ตลอดเวลา
ด้วยสาเหตุทั้งหลายเหล่านี้ จึงทำให้การทำนายผิดพลาด คลาดเคลื่อนและที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือวัตถุประสงค์ในการดูดวง บางคนมาดูดวงเพราะต้องการความมั่นใจในการตัดสินใจอะไรบางอย่าง บางคนมาดูดวงเพราะมาดูเป็นเพื่อนคนอื่น บางคนมาดูดวงเพราะสะใจดี เวลาที่หมอดูทายผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม วัตถุประสงค์ในการดูดวง จะเป็นจุดที่สำคัญในการทำนาย เพราะถ้าเราต้องการดูดวงจริงๆ ในดวงชะตาก็จะมีเรื่อง หรือจุดสำคัญให้ทาย ต่างจากคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาดู ส่วนใหญ่ เมื่อผูกดวงแล้วมักจะไม่มีเรื่อง,จุดสำคัญที่จะทาย หมอดูบางคนที่ทายดวงยามเก่งๆ จะสามารถรู้ได้ในทันที ที่ผู้มาดูดวงมาถึงบ้าน ว่าต้องการให้ดูเรื่องอะไร หรือด้วยเหตุผลใด (วิชาที่ว่านี้ ที่เห็นเป็นที่รู้จักและนิยมใช้กันมาก คือวิชา โหรทายหนู ของ อ.ประทีป อัครา ซึ่งให้ผลการทำนายที่แม่นยำมาก)
เอาล่ะครับ ต่อไปก็เป็นสิ่งที่ควรรู้ในการดูดวง ซึ่งเป็นข้อแนะนำอย่างคร่าวๆ โดยหวังให้ ท่านผู้อ่านได้นำไปใช้ร่วมพิจารณาในการดูดวง ดังนี้
1. อย่าคาดหวังมากเกินไป หมอดูทุกคน มีโอกาสทำนายผิดพลาดได้ทั้งนั้น
2. คำทำนาย ที่ได้จากหมอดู(ที่เราเชื่อถือได้) ให้นำมาพิจารณาไตร่ตรองให้ดี เมื่อพิจารณาดีแล้วก็ นำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ ตามควรแก่สภาพ อย่าได้ยึดถือคำทำนายจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุขนะครับ ยังไงก็นึกถึงข้อ 1. บ้าง
3. ถ้าหมอดู บอกว่าจะมีเคราะห์ หรือ จะต้องเลิกร้างกับคู่ครอง เราก็ใช้สติไตร่ตรองให้ดี คิดเสียว่าเป็นเวรเป็นกรรม ที่เราต้องชดใช้ในชาตินี้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สรรพสิ่งล้วนแต่ไม่แน่นอน สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ ถ้าคิดได้อย่างนี้ รู้เท่าทันได้อย่างนี้ ก็จะทำให้ความทุกข์นั้น บรรเทาเบาบางลงได้ และที่สำคัย พึงระลึกเสมอว่า สิ่งที่หมอดูบอก ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป
4. การสะเดาะเคราะห์ ตามความคิดของผมนั้น ก็คงจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องทำให้ถูกวิธีด้วยนะครับ และอย่าเชื่อหมอดูคนไหน ที่บอกว่าสามารถสะเดาะเคราะห์ ให้เราได้ โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย เอาเงินให้เขาไป แล้วเขาจะจัดการให้ทุกอย่าง อย่างนี้หลอกกันชัดๆ การสะเดาะเคราะห์ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดเจ้าชะตาต้องเป็นผู้กระทำด้วยตนเองทั้งสิ้นครับ
5. วิชาโหราศาสตร์ เป็นวิชาที่อาศัยข้อมูลสถิติ เพราะฉะนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่า อดีตชาติของเราเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะมีใครสามารถทำได้ ก็คงต้องทำใจกันหน่อยครับ เพราะนอกจากท่านผู้นั้นแล้ว คงไม่มีใครทราบได้ หมอดูกลุ่มนี้ เรามักเรียกว่า หมอดูพลังจิต ,หมอดูตาทิพย์ หรือหมอดูทางใน ก็แล้วแต่จะเรียกกันครับ ท่านจะเป็นผู้ใช้พลังจิต หรือเป็นผู้บำเพ็ญเพียร จนสำเร็จถึงขั้นที่ ระลึกชาติได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น พระหรือแม่ชี) จริงเท็จคงยากที่จะพิสูจน์ แต่ก็พอมีทางพิสูจน์ได้คือ ถ้าท่านเหล่านั้นมีพลังจิต สมาธิจิต ในระดับนั้นแล้ว เรื่องการรับรู้กระแสจิต ของเราก็คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถตรวจสอบความสามารถของท่านเหล่านั้นได้ โดยการทำจิตให้สงบ แล้วนึกเรียกท่าน หรือคุยกับท่านในใจ หากท่านเหล่านั้นไม่แสดงอาการหรือ พูดทักกับเราในเรื่องที่เราพยายามสื่อได้เลย ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่า เรากำลังถูกหลอกอยู่ครับ
6. การบูชาครู-ค่าครู จากตำราที่ครูอาจารย์ท่านได้เขียนไว้ พอสรุปได้ว่า
- การบูชาครู คือ การจัดเครื่องสักการะ ดอกไม้ธูปเทียน สิ่งของต่างๆ เพื่อ บูชาครู
- ค่าครู คือ เงินที่เรียกจากผู้มาดูดวง (หมอดูหลายท่านใช้คำว่า ลูกค้า แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดี ดูจะเป็นเรื่องธุรกิจมากไป จึงขอใช้ คำว่า ผู้มาดูดวง แทนล่ะกันครับ) เพื่อนำเงินนั้น ไปทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ไปให้ครูบาอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ซึ่งแต่โบราณมาก็มักจะเรียกอยู่ที่ 6 สลึง, 6 ,9,12 บาท บ้างแล้วแต่อาจารย์ ปัจจุบัน ค่าครูขึ้นอยู่กับความแม่นยำในการทำนาย ,ชื่อเสียง ของอาจารย์ท่านนั้นๆ และวิชาที่ใช้ ก็มีตั้งแต่ 39 – 40,000 บาท/ครั้ง (เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง ย่านบางบอน เชิญซินแส ท่านหนึ่งไป ดูฮวงจุ้ยโรงงานแล้ว ให้ค่าครูตั้ง 40,000 บาท)
ปัจจุบัน เงินค่าครูที่ได้รับจากผู้มาดูดวง ส่วนหนึ่งก็จะถูกแบ่งไว้ทำบุญให้ครู ที่เหลือก็ไว้ใช้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งต่างจากโบราณที่จะไม่ค่อยเรียกค่าครู หรือถ้าเรียกก็จะขอพอเป็นพิธี ทั้งนี้เพราะ สมัยก่อนวิชาโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ ผู้ศึกษามักจะเป็น พระ ,พราหมณ์ หรือถ้าเป็นฆราวาสก็มักจะไม่ยึดเป็นอาชีพเหมือนในปัจจุบัน โดยเฉพาะโหร สมัยก่อนก็จะมีแต่ในวัง
เพราะสมัยก่อน วิชาโหราศาสตร์นั้น ถูกจำกัดอยู่แต่ในวังเท่านั้น จะไม่มีการสอนให้แก่คนทั่วไป ค่าครูจึงได้จากการพระราชทาน จากพระมหากษัตริย์ หรือเชื้อพระวงศ์
7. เลือกวิชา ให้เหมาะสมกับ เรื่องที่เราต้องการทราบ และข้อมูลที่เราให้หมอดูไป เช่น
- ทราบวัน เดือน ปี เวลาเกิดแน่นอน ก็สามารถดูได้ทุกวิชาแหละครับ แล้วแต่เรื่องที่เราอยากทราบ สำหรับผมนั้น ผมมั่นใจวิชาโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ไทย ภารตะหรือ ยูเรเนียน เพราะสามารถทำนายครอบคลุมได้ หลายเรื่อง และมองเห็นภาพรวมของการดำเนินชีวิต สามารถกำหนดช่วงระยะเวลาที่จะเกิดเรื่องได้ค่อนข้างแน่นอน
- ไม่ทราบเวลาเกิดแน่ชัด แต่ทราบวัน เดือน ปีเกิด วิชาที่เหมาะสมคือ กราฟชีวิต, วิชาเลข ๗ ตัว ไม่ว่าจะเป็นแบบกี่ ฐานก็ตาม ก็แม่นยำในระดับที่น่าพอใจมากเช่นกัน เหมือนวิชาโหราศาสตร์ ควรดูดวงปีละครั้ง
- ไม่ทราบวันเวลาเกิด หรือ ไม่ต้องการให้ข้อมูลใดๆ วิชาที่สามารถทำนายได้แม่นยำ คือ โหงวเฮ้ง ลายมือ ดวงยาม กาลชาตา ไพ่ยิปซี ไพ่ป๊อก ส่วนใหญ่จะมีความแม่นยำเฉพาะเรื่องที่ต้องการทราบ ทำนายอนาคตได้ช่วงระยะเวลาไม่นานนัก ปกติจะดูดวงโดยวิชาเหล่านี้ได้ ประมาณ 1- 3 เดือน/ครั้ง ,บางวิชาก็ปีละครั้ง
วิชาโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์ ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายวิชาที่สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่ได้กล่าวถึง ทั้งนี้เพราะผมเองยังไม่เคยศึกษา หรือไม่มีความรู้ พอจึงไม่กล้าหยิบยกขึ้นมาอ้างอิง สำหรับการพยากรณ์ ที่ใช้ นก ไก่ หรือสัตว์ต่างๆ เสี่ยงทายคำพยากรณ์ ให้นั้น ผมยังไม่ค่อยมั่นใจ เท่าไร ขนาดคนที่รู้ความยังทายผิดทายถูก นี่เป็นสัตว์ที่ไม่รู้ความ ก็คงหวังพึ่งได้ยากครับ คำแนะนำ สุดท้ายที่ผมอยากจะบอก คือ ควรเลือกที่จะไปดูดวงกับหมอดู ท่านที่มีจรรยาบรรณ คือ รักษาความลับของผู้ที่มาดูดวง, ไม่เห็นแก่เงินค่าครู ใครลำบากมาถึงแม้ไม่มีค่าครู ก็ช่วยเหลือให้คำ แนะนำตามควร, ไม่ดูถูก-วิจารณ์วิชาของผู้อื่นในทางเสื่อมเสีย, ทำนายโดยใช้หลักวิชา, และไม่ทำนายนอกกรอบที่ครูอาจารย์ ห้ามไว้ คือ "ทายสามีภรรยาให้ราคี ทายชีวีวิบัติตัดชันษา ทายคุณโทษทารกทาริกา เรียนโหราครูท่านห้ามทำนาย" ทั้งนี้ผมเข้าใจว่า ครูอาจารย์ ท่านคงไม่ต้องการให้ หมอดู, โหร ออกคำทำนายที่ซ้ำเติมทำร้าย ความรู้สึก เพิ่มความทุกข์ใจให้แก่ ผู้ที่มาดูดวง ครับ..