คุณสมบัติของ ชายชาตรี โดย ปราณเวท
คำว่า "ชายชาตรี" ถ้าแปลตามพจนานุกรม จะหมายถึง ผู้ชายที่มีศิลปะวิชาอาคม หรือ ผู้ชายที่มีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้
ชายชาตรี เป็นสิ่งที่ผู้ชายหลายคน อยากเป็น หรืออยากได้ชื่อ ว่าเป็น แต่ถ้าผู้อ่านท่านใด อยากจะเป็นชายชาตรี บ้างล่ะก็ ไม่ยากครับ เพียงแค่มี
คุณสมบัติของความเป็นชายชาตรี 5 ประการดังนี้
1. มีคุณธรรม
2. มีความรู้
3. ประกอบวีรกรรมกล้าหาญอดทน
4. มีความสามารถในการต่อสู้ มีศิลปะการป้องกันตัว
5. มีความรู้ทางกฤตยาคม
คุณสมบัติทั้ง 5 ข้อ ผมทราบมาจาก ครูของผมอีกที และเป็นคุณสมบัติ ที่ผู้ฝึกมวยไชยา ทุกคนต้องรู้ นอกเหนือจากคำปฏิญาณตนก่อนที่จะฝึกมวย
แล้วในสมัยปัจจุบันนี้ เราต้องทำอย่างไร จึงจะได้ชื่อว่าเป็นชายชาตรี ข้อนี้ผมพอจะบอกได้ ตามกำลังความคิดของผมดังนี้ครับ
1. มีคุณธรรม ก็คือ การเป็นผู้มีคุณธรรม ก็คงไม่ต้องบวชเป็นพระอย่างเดียวหรอกครับ แค่รู้จักถือศีล 5 บ้าง ไม่คดโกงใคร ไม่หลอกลวงใคร ใจกว้างมีน้ำใจ รู้ผิดชอบชั่วดี ยึดมั่นในคุณความดี มีความเป็นลูกผู้ชาย มีระเบียบวินัย แค่นี้ก็น่าจะผ่านแล้วครับ สำหรับ ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป
2. มีความรู้ ก็คือ เป็นผู้ที่แสวงหาความรู้ เพิ่มเติม ไม่หยุดนิ่ง มีความรู้ความเข้าใจในทางโลก มีหลักในการดำเนินชีวิต เป็นผู้ที่แสวงหาความถูกต้องเสมอ ในข้อนี้ สำหรับใคร ที่จบปริญญาตรี ก็น่าจะถือได้ว่า เป็นผู้มีความรู้แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีทุกคน จะเป็นผู้มีความรู้ได้เสมอไป ถ้าคนๆนั้น ไม่รู้จักนำความรู้ที่เรียนมาไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม และในทางกลับกันคนที่ไม่ได้เรียนสูงๆหรือจบปริญญาตรี ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ ทั้งนี้เพราะพิจารณาจาก ในสมัยก่อนก็ไม่มีมหาวิทยาลัย ก็มีชายชาตรีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ขอให้มีคุณสมบัติข้างต้นก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
3. ประกอบวีรกรรมกล้าหาญอดทน ก็คือ การช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ ด้วยความสามารถทางกาย อย่างเต็มความสามารถ และรู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คง เป็นเรื่องการปกบ้านป้องเมือง การทำศึกสงครามอย่างกล้าหาญอดทน ถ้าเป็นสมัยนี้ผมว่า เป็นทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร อปพร. พนักงานดับเพลิง ทหารเกณฑ์รับใช้ชาติ 2 ปี หรือ เรียน รด. ซัก 3 ปี หรือถ้ามีโอกาสได้รับใช้ชาติตามแนวชายแดน , สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็นับว่าเยี่ยมแล้วครับ ผ่านแน่นอน
4. มีความรู้ในศิลปะการต่อสู้ ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายเยอะครับ ตรงตัวเลย ก็ต้องผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้อยู่ในระดับที่ใช้ได้ อย่างน้อยก็ก็ต้องอยู่ในระดับ ตัวต่อตัว กับคนรุ่นเดียวกันแบบสบายๆ ก็ผ่านแล้วครับ เรื่องนี้มัน แล้วแต่ มาตรฐานของคนนั้นๆ ครับ
5. มีความรู้ทางกฤตยาคม ข้อนี้คงเป็นข้อที่ยากสำหรับบางคนครับ เพราะในสมัยนี้ จะหาที่ร่ำเรียนก็ยาก แถมถ้าเรียนมากๆ สนใจมากๆ ก็อาจถูกมองว่า เป็นคนงมงาย ไร้สาระ สติฟั่นเฟือนไปได้ สำหรับใครหลายคนคิดว่า เรื่องกฤตยาคมนั้น เป็นเรื่องที่คนสมัยก่อน เขานำมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ตนเอง เพราะถ้าทุกคน ท่องคาถาแล้วสัมฤทธิ์ผล มีอิทธิฤทธิ์อยู่ยงคงกระพัน ในการศีกสงครามคงไม่มีคนตายในสนามรบแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กฤตยาคม จะไม่มีจริงนะครับ (ผมเพียงอยากให้ทุกคนมีสติ ไม่งมงาย หลงอะไรง่ายๆ เท่านั้น) สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเราจะไปเที่ยวพิสูจน์ให้คนนั้นคนนี้ดู เรื่อยเปื่อยคงไม่ได้ ของอย่างนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวครับ และความรู้ทาง กฤตยาคม ก็ไม่ได้มีอยู่แค่เรื่อง อยู่ยงคงกระพัน อย่างเดียว ยังมีเรื่อง แคล้วคลาด โชคลาภการป้องกันการกระทำย่ำยี ทางคุณไสย การแก้คุณผีคุณคน การกำหราบภูตผีปีศาจ ทั้งหลายอีก ขอให้พอมีความรู้ทางกฤตยาคมไว้ป้องกันตัวเองได้ก็ถือว่า ผ่านแล้วครับ
ที่เขียนเรื่องนี้ก็เพราะอยากให้ คนรุ่นใหม่ เยาวชน มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่อง ชายชาตรี ที่ถูกต้อง มากขึ้น ในมุมมองของผมนะครับ ไม่ใช่มีคุณสมบัติเพียงข้อเดียวก็จะ ทึกทักเอาว่า เป็น ชายชาตรี เสียแล้ว และการทำร้ายผู้อื่น หรือรังแกคนที่อ่อนแอกว่า อย่างนี้ถือว่าห่างไกลจากคำว่า ชายชาตรี มากเลยครับ
ผมคิดว่าอย่างน้อยคนที่จะได้ชื่อว่าเป็น ชายชาตรี ในยุคสมัยนี้ ก็ควรจะมีคุณสมบัติอย่างน้อย 4 ข้อแรกให้ครบถ้วน เรื่องนี้ไม่ใช่มีแต่ประเทศไทย นะครับที่คิดกัน ในอดีตที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรี ของเขาก็ต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 4 ข้อแรกนี้เหมือนกัน จึงจะเป็นผู้นำที่สง่าผ่าเผยได้
ในสมัยที่ผมเป็นวัยรุ่น ผมเคยคิดว่า เราน่าจะมีโรงเรียนที่สอนความเป็นลูกผู้ชาย นอกจากโรงเรียนนายร้อย ตำรวจ ทหาร บ้างนะ(ก็อย่างที่รู้ๆ กันครับการเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเป็นเรื่องที่ยากเเย็นแสนเข็ญมาก ) แบบว่า จะเป็นใครก็สามารถเดินเข้ามาเรียนได้ และถ้าสามารถเรียนจนจบหลักสูตรได้ ก็จะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 4 ข้อแรก อย่างเข้มข้นติดตัวไป ผมเชื่อว่า ถ้าคนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มีคุณสมบัติชายชาตรี อย่างน้อย 3 ข้อแรก ประเทศเราก็จะน่าอยู่มากขึ้น และเจริญก้าวหน้าไม่แพ้ชาติใดอย่างแน่นอน